Menuleft - MarinerThai.Net

หน้าแรก

เว็บบอร์ดชาวเรือ

สารบัญเว็บไซด์ชาวเรือ

เอกสารน่าอ่านไทย

เอกสารน่าอ่านอังกฤษ

สาระไอทีชาวเรือ

แหล่งคนหางานเรือไทย

บทความจากสมาชิก

นิทานชาวเรือ

คนเรือหัวหมอ

คู่มือปฏิบัติงานเรือ

ระบบสื่อสาร-เดินเรือ

พจนานุกรมศัพท์ทางเรือ

ความหมายคำย่อทางเรือ

ข่าวอัพเดทรายวัน

ข่าวสดราคาน้ำมันโลก

รวมข่าวโจรสลัด

รวมข่าวอุบัติเหตุทางเรือ

สนับสนุนเว็บเรา

สถิติผู้เข้าชมเว็บนี้

ติดต่อเรา

เปิดเว็บ 1 ตุลาคม 2545

 

ขณะนี้เวลา | Your Time
10:46:33

Nathalin Group

MarinerThai 2004

TOP Enginerring Group

 

 
 
 

 

 

Nathalin Group

Cho.Charoen Maritime Instruments FB MarinerThai News

เสน่ห์จันท์ พิพิธภัณฑ์ฯพาณิชย์นาวี

เสน่ห์จันท์ “พิพิธภัณฑ์ฯ พาณิชย์นาวี”


จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์  วันที่ 29 มีนาคม 2553

จันทบุรี จังหวัดนี้มีของดีทางการท่องเที่ยวหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี” ที่สร้างขึ้นเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมของคนที่เกี่ยวข้องกับน้ำ โดยมุ่งเน้นในเรื่องความเป็นมาของการคมนาคมทางน้ำ การติดต่อค้าขายและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองท่าต่างๆ นับจากอดีตเชื่อมโยงมาถึงปัจจุบัน รวมถึงเป็นสถานที่ศึกษาเรื่องราวของท้องถิ่นในหลากหลายมิติ

พิพิธภัณฑ์ฯพาณิชย์นาวี ตั้งอยู่ที่ ค่ายเนินวง ต.บางกะจะ อ.เมือง ค่ายโบราณที่สร้างขึ้นรับศึกญวน(เวียดนาม)ในสมัย ร.3 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2537 มีลักษณะอาคารแฝด 2 ชั้น ภายในมีการแบ่งห้องจัดแสดงออกเป็น 6 ห้อง ได้แก่

ห้องจัดแสดงสินค้าและวิถีชีวิตชาวเรือ

จากทางโถงด้านหน้าเดินขึ้นบันไดมาก็จะพบห้องนิทรรศการที่จัดแสดงให้เห็นวิวัฒนาการด้านพาณิชย์นาวีในดินแดนแถบนี้ตั้งแต่ยุคโบราณ พร้อมด้วยเส้นทางการเดินเรือ เมืองท่าโบราณ และสินค้า

ในห้องนี้มีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การจำลองเรือสำเภาไทยโบราณ(ขนาดเล็กที่สุด)มาจัดแสดงไว้อย่างอลังการกลางห้อง เรือลำนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ กง กราบเรือ กระดูกงู มีชื่อว่า“บรรพนาวิน” เขียนติดอยู่ที่ท้ายเรือ ซึ่งคุณวิรัช สุริวงวศ์ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ฯ กล่าวว่า บรรพนาวิน หมายถึง บรรพบุรุษแห่งการเดินเรือ ส่วนนกฟีนิกซ์ที่เกาะอยู่บนภูเขากลางทะเล คือความเป็นอมตะ ฆ่าไม่ตาย เปรียบดังเรือไม่ล่ม

ด้านหน้าของเรือบรรพนาวินวาดเป็นรูปราหู(หนึ่งในรูปที่ชาวเรือเคารพ) มีตาเรือวงกลมขอบนอกขาวขอบในดำอยู่ด้านข้าง ซ้าย-ขวา

“นี่เป็นรูปแบบของตาเรือสินค้าคือมีตาสีดำมองไปข้างหน้า ส่วนตาเรือประมงจะเป็นรูปตาดำเหลือบมองลงต่ำ แต่ถ้าเป็นตาเรือโจรสลัดจะเป็นรูปตาตัดเหลือเพียงครึ่งเดียว ถ้าใครเจอกลางทะเล ต้องรีบหนีทันที” คุณวิรัชอธิบาย

เรือลำนี้แม้จะจำลองมาจัดแสดงแต่ว่าก็ทำเหมือนจริง นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมห้องต่างๆในท้องเรือ ระวางเรือ และสามารถขึ้นไปบนเรือได้ โดยระวางสินค้าแรกจัดจัดแสดงไหสี่หูเคลือบน้ำตาลดินแห่งเมืองสิงห์บุรี และเครื่องเคลือบสังคโลกเขียวไข่กาที่ขุดค้นพบ ส่วนระวางต่อไปเป็นผ้าไหมแพรพรรณที่นำมาจากจีน มีเครื่องเทศที่นำไปขาย ด้านระวางกลางเรือมีทองแดงจำนวนมากซึ่งนอกจากจะเป็นวัสดุที่ซื้อมาเพื่อให้ประโยชน์แล้วยังเป็นอับเฉาเรืออีกด้วย ต่อมาเป็นระวาง 4 เป็นที่เก็บไม้ฝาง ในขณะที่ระวางท้ายเรือเป็นส่วนทำอาหารและห้องจับกังเรือที่อยู่กันแบบง่ายๆตามอัตภาพ

จากชั้นล่างมาดูชั้นบนของเรือกันบ้าง บนนี้เป็นที่จัดแสดงวิถีชาวเรือ มีกัปตันเรือหรือจุ่มจู๊หรือไต้ก๋งยืนคุมคนงานบนชั้นดาดฟ้า ในขณะชั้นที่บนเรือนั้นมีการจำลองเรื่องราวบนเรือให้ดูหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ”อาปั๋น” คนดึงเชือกใบเรือ ผู้มีหน้าที่ดูแลเรือ มีเฒ่าเต้งทำหน้าที่ดูแลสมอเรือ มีจุมโผ่หรือกุลี จับกัง แบกหามสิ่งต่างๆบนเรือ ร่วมด้วยองค์ประกอบต่างๆของเรือ อาทิ ใบเรือ พังงาเรือ ลูกตะเภาทำจากหวายใช้สำหรับกันเรือกระแทก

นอกจากเรือบรรพนาวินแล้วในห้องจัดแสดงสินค้าและวิถีชีวิตชาวเรือ ยังมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่ขุดพบจากแหล่งเรือจมในบริเวณอ่าวไทย อาทิ จี้ทองคำฝังพลอยแดง กำไลข้อมือทองคำ เครื่องถ้วยสังคโลก เหรียญเงินสมัยราชวงศ์ถัง คันฉ่อง(กระจก) แหนบ กุญแจจีน เบ็ด ไข่เป็ด ก้างปลา ฯลฯ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุราว 300 – 400 ปี หรือตั้งแต่ช่วงอยุธยาตอนกลางถึงตอนปลาย

ห้องแนะนำปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำ

เป็นห้องอยู่ด้านในสุดของตัวอาคาร โดยจำลองสภาพจริงของแหล่งโบราณคดีใต้น้ำ ตลอดจนวิธีการทำงานของนักโบราณคดีใต้น้ำ เริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของงานโบราณคดีใต้น้ำในประเทศไทย โบราณคดีใต้น้ำคืออะไร แตกต่างจากโบราณคดีบนบกอย่างไร รวมไปถึงเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการปฏิบัติงานจริง ซึ่งที่เด่นๆก็มีการจำลองวิธีการทำงานของทีมงานนักโบราณคดีใต้น้ำจากเรือบางกระชัย 4 มาจัดแสดง

ห้องคลังเก็บโบราณวัตถุ

อยู่ถัดลงมาชั้นล่าง เป็นห้องกระจกเปิดโล่งเพียงด้านเดียวเพื่อแสดงให้เห็นถึงการเก็บรักษาโบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑ์นับหมื่นชิ้น โดยทั่วไปแล้วพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติๆ จะไม่มีการเปิดแสดงให้บุคคลภายนอกได้เห็นมากนัก เนื่องจากคลังเก็บโบราณวัตถุมักเป็นห้องอยู่ภายในอาคาร แต่ที่นี่จะเปิดด้านหนึ่งเป็นช่องกระจกให้สามารถมองเห็นโบราณวัตถุที่จัดแสดงและเก็บรักษาในคลัง โบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวีเกือบทั้งหมดเป็นโบราณวัตถุจากแหล่งเรือจมในน่านน้ำอ่าวไทย ที่ได้มาจากการทำงานสำรวจขุดค้นทางโบราณคดีใต้น้ำของกลุ่มวิชาการโบราณคดีใต้น้ำ และจากการตรวจยึดจับกุมผู้ลักลอบงมโบราณวัตถุใต้ท้องทะเลมาขาย นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีบนบกในพื้นที่เขตจังหวัด จันทบุรี อีกด้วย

ห้องแสดงเรือและชีวิตชาวเรือ

เป็นการจัดแสดงเรือต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งเรือขุดและเรือต่อ ว่ามีเรือชนิดใดบ้าง ลักษณะเป็นอย่างไร และเรือแบบใดกันอยู่ในแถบใด เริ่มตั้งเรือลำเล็กที่ใช้ในแม่น้ำลำคลอง ไปจนถึงเรือสินค้าขนาดใหญ่ในท้องทะเล โดยเรือทั้งหมดได้ทำย่อส่วนตามจริง เพื่อให้ผู้ชมได้รู้จักเรือที่บางชนิดได้ยินเพียงชื่อ แต่ยังไม่เคยเห็นว่าที่จริงแล้วมีลักษณะอย่างไร เช่น เรือผีหลอก เรือพายม้า เรือหมู เรือแม่ปะ เรือฉลอมท้ายญวน เรืออีโปง เรือประทุน เรือกอและเรือหางแมงป่อง เรือสำเภา เป็นต้น

นอกจากนี้ที่บริเวณทางเดินด้านหน้าห้องแสดงเรือและวิถีชีวิตชาวเรือ ยังมีการจัดแสดงเรือรบสมัยใหม่แบบย่อส่วน รวมไปถึงเรือพระราชพิธี เครื่องประกอบเรือพระราชพิธี และหากเดินทางไปตามทางเดินก็จะพบเก๋งเรือโบราณในสมัยราชกาลที่ 5 รวมถึงซากเรืออายุราว 200 ปีที่ขุดมาจากไม้ตะเคียนต้นเดียวแต่ว่ายังขุดไม่เสร็จ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจาก ความแรงความเฮี้ยนของไม้ตะเคียน หรือเกิดจากการขึ้นรูปเรือผิดพลาด หรือเกิดจากชุมชนที่ขุดเรือโยกย้ายถิ่นฐานไปเสียก่อน

ห้องของดีเมืองจันท์

แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์เมืองจันทบุรีว่ามีความเป็นมาอย่างไร ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์

จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ การก่อตั้งเมือง เหตุการณ์สำคัญ และเรื่องชาติพันธุ์วิทยาของชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมของจันทบุรีที่เรียกว่าตนเองว่า “ชาวชอง” นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงให้เห็นถึงมรดกทางธรรมชาติสถานที่ท่องเที่ยว และของดีที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรี อาทิ พลอย ผลไม้ เสื่อ ฯลฯ

ห้องบุคคลสำคัญ

เพื่อเป็นการเชิดชูพระมหาวีรกรรมขององค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในห้องนี้จึดจัดแสดงถึงเรื่องราวพระราชประวัติของพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับการทำสงครามเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่เส้นทางเดินทัพเมื่อคราวมารวบรวมพลที่จันทบุรี ก่อนจะยกทัพกลับไปกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าตลอดจนขึ้นปราบดาภิเษก รวมไปถึงการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์ในด้านต่างๆ อาทิ การเมือง การปกครอง ศิลปะ และวรรณกรรม เป็นต้น

และนั่นก็เป็น 6 ห้องจัดแสดงในพิพิธภัณฯพาณิชย์นาวี อีกหนึ่งของดีแห่งเมืองจันท์ที่หากใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้น น่าจะหาเวลาแวะเวียนเข้าไปชม เพราะนี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทยที่เก็บรักษาโบราณวัตถุใต้ท้องทะเลจำนวนมากนับหมื่นๆชิ้นที่หาชมไม่ได้ง่ายๆเลย

 


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ค่ายเนินวง ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี เปิดทำการตั้งแต่วันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท นักเรียน นักศึกษา ในเครื่องแบบ และพระภิกษุสามเณร ไม่เสียค่าเข้าชม ซึ่งผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-3939-1431,0-3939-1433

 


มารีนเนอร์ไทยดอทคอม | MarinerThai.Com

 

จำนวนผู้เข้าชมหน้านี้   3511

 Disclaimed: มารีนเนอร์ไทยดอทคอม ขอสงวนสิทธิ์ในการรับรองความถูกต้องในบทความ ข้อมูล เนื้อหา ภายในเว็บไซด์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ภาพ เสียง ซอฟแวร์ การเชื่อมโยง(ลิงค์) และ/หรือ บริการอื่นๆ และจะไม่รับผิดชอบในความผิดพลาดในการใช้เนื้อหาดังกล่าวข้างต้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้าน การค้า การกระทำ การคาดการณ์ พยากรณ์ การวิจัย และอื่นๆ ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเฉพาะของท่านผู้เขียนแต่ละรายไป ตลอดจนข้อกำหนดทางด้านลิขสิทธิ์ กรณีที่ท่านส่งบทความที่มิได้ขออนุญาตต่อผู้ครองสิทธิ์แท้จริงนำมาลงไว้ภายในเว็บไซด์นี้

 

 
 

 

 

Advertising in MarinerThai.Com IT knowhow for Mariner

หน้าแรกก | เว็บบอร์ดชาวเรือ | สารบัญเว็บไซด์ชาวเรือ | สมุดภาพเรือเดินทะเล | สนับสนุนเว็บเรา | ติดต่อเรา

© 2002 Mariner Thai Dot Com Mariner Thai Dot Net. All rights reserved - Web designed by .<nv>.

 MarinerThai.Com | MarinerThai.Net | MarinerThai.Org

Contact webmaster: | Organizer : CKN - Cyber Ket Network