Menuleft - MarinerThai.Net

หน้าแรก

เว็บบอร์ดชาวเรือ

สารบัญเว็บไซด์ชาวเรือ

เอกสารน่าอ่านไทย

เอกสารน่าอ่านอังกฤษ

สาระไอทีชาวเรือ

แหล่งคนหางานเรือไทย

บทความจากสมาชิก

นิทานชาวเรือ

คนเรือหัวหมอ

คู่มือปฏิบัติงานเรือ

ระบบสื่อสาร-เดินเรือ

พจนานุกรมศัพท์ทางเรือ

ความหมายคำย่อทางเรือ

ข่าวอัพเดทรายวัน

ข่าวสดราคาน้ำมันโลก

รวมข่าวโจรสลัด

รวมข่าวอุบัติเหตุทางเรือ

สนับสนุนเว็บเรา

สถิติผู้เข้าชมเว็บนี้

ติดต่อเรา

เปิดเว็บ 1 ตุลาคม 2545

 

ขณะนี้เวลา | Your Time
10:46:33

Nathalin Group

MarinerThai 2004

TOP Enginerring Group

 

 
 
 

 

 

TOP Engineering Group - VTOL UAV Thailand

Advertising in marinerthai.net MarinerThai 2004 Co., Ltd.

บาดแผลสงครามจากเรือยามาโต้

บาดแผลสงครามจากเรือยามาโต้  


หนังสือพิมพ์ มติชน วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10333

โดย วันชัย ตัน

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ฝนถล่มกรุงเทพฯอย่างหนัก รถติดกันทั้งเมือง ผมลุยน้ำท่วมออกจากบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อตั้งใจไปดูหนังญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งชื่อ ยามาโต้ พิฆาตยุทธการ ที่โรงภาพยนตร์สยาม

เรือประจัญบาน ยามาโต้ ถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 1941

คนที่สนใจประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 คงเคยได้ยินชื่อเรือยามาโต้ เรือประจัญบานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่มนุษย์เคยสร้างมาจนถึงปัจจุบัน มีระวางขับน้ำถึง 69,100 ตัน เปรียบเทียบกับเรือรบชื่อดังในขณะนั้น อาทิ เรือรบมิสซูรีของสหรัฐอเมริกา ที่มีระวางขับน้ำ 45,000 ตัน หรือเรือรบบิสมาร์คของเยอรมนี ที่มีระวางขับน้ำ 42,000 ตัน

กองทัพเรือญี่ปุ่นภูมิใจกับเรือประจัญบานลำมหึมาที่มีขนาดความยาว 250 เมตร มีป้อมปืนขนาด 460 มิลลิเมตร เรียงรายอยู่รอบลำเรือที่มีเกราะป้องกันตอปิโดหนาถึง 8 นิ้ว จนใครๆ คิดว่าเรือรบดังกล่าวจะไม่มีทางจมเด็ดขาด

เรือยามาโต้ได้ออกปฏิบัติการรบทางทะเลในภาคพื้นแปซิฟิกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยแสดงฝีมือให้ประจักษ์นัก จนกระทั่งการรบครั้งสุดท้ายนอกเกาะโอกินาวา

ป้อมปืนท้ายเรือ ยามาโต้

ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่กองทัพสหรัฐอเมริกันกำลังบุกเข้ายึดเกาะโอกินาวา เรือยามาโต้ได้รับคำสั่งให้เข้าปฏิบัติการที่เรียกว่า KIKUSUI 1 ซึ่งแปลว่า ดอกเบญจมาศลอยน้ำ โดยมีภารกิจให้ทำการล่อฝูงบินอเมริกันให้ออกจากน่านน้ำเกาะโอกินาวา เปิดโอกาสให้ฝูงบินกามิกาเซ่ของญี่ปุ่นบินฝ่าด่านป้องกันของฝูงบินอเมริกา เพื่อเข้าโจมตีกองทัพเรือ ปกป้องไม่ให้กองทัพสหรัฐยึดเกาะโอกินาวาได้

ปฏิบัติการนี้เรือยามาโต้เป็น "วันเวย์ทิคเก็ต" คือมีแค่น้ำมันเชื้อเพลิงเพียงแค่เที่ยวเดียวเท่านั้น ผู้บังคับการเรือทราบดีว่า การเอาเรือประจัญบาญมาล่อเครื่องบินหลายร้อยลำให้รุมกินโต๊ะนั้น โอกาสที่เรือจะไม่จมเป็นไปไม่ได้ ปฏิบัติการครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการส่งลูกเรือ 3,000 กว่าคนไปตายอย่างเดียว ไม่ต่างจากนักบินฝูงบินกามิกาเซ่ที่บรรทุกระเบิดขนาดหนัก เพื่อบินเข้าชนเรือรบอเมริกาแบบเอาชีวิตเข้าแลก ดังนั้น ภายหลังสงคราม เรือยามาโต้จึงได้รับฉายาว่า "ยักษ์ใหญ่แห่งกามิกาเซ่"

ฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีฉากที่บรรดานายทหารประจำเรือยามาโต้ได้กล่าววิจารณ์บรรดานายพลเสนาธิการผู้วางแผนการรบด้วยความเหลืออดว่า เป็นแผนการรบที่ต้องล้มเหลวแน่นอน ดีแต่วางแผนอยู่ในห้อง ไม่ยอมส่งเครื่องบินรบสักลำมาคุ้มกัน บรรดา เสธ.เหล่านี้ดีแต่ส่งลูกเรือไปตายอย่างไร้ค่า และหลบภัยสบายอยู่แต่ที่กรุงโตเกียว ไม่กล้าออกมาปฏิบัติการสักคนเดียว

เช้าวันที่ 6 เมษายน 1945 ผู้บัญชาการเรือได้สั่งให้ย้ายทหารผู้มีอายุเกินกว่า 40 ปี และมีครอบครัวขึ้นบก คงเหลือแต่บรรดาผู้ที่ยังไม่มีครอบครัว ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มและพร้อมจะเสียสละเพื่อมาตุภูมิ

สุดท้ายเมื่อเรือยามาโต้เดินทางยังไม่ถึงน่านน้ำโอกินาวา ฝ่ายสหรัฐสามารถจับสัญญาณวิทยุได้ จึงได้ส่งเครื่องบินโจมตี 380 ลำ รุมทิ้งระเบิดเรือยามาโต้เป็นเวลาเกือบสองวัน จนในที่สุดเรือยามาโต้ได้จมสู่ก้นทะเลพร้อมลูกเรือเกือบ 2,500 นาย มีผู้รอดชีวิตเพียง 269 คน เท่านั้น

ก่อนจะเข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ใครๆ ก็คิดว่ายามาโต้น่าจะเป็นหนังสงครามเลือดท่วมจอ แต่เอาเข้าจริงแล้วตลอดความยาว 2 ชั่วโมงกว่า มีฉากสงครามไม่ถึง 20 นาที

ยามาโต้เป็นภาพยนตร์ที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น และสะท้อนให้เห็นถึงหัวอกของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรักและผู้อยู่แนวหลัง ที่ต้องส่งลูกชายของตัวเองไปรบว่าเจ็บปวดและทนทุกข์เพียงใด

ภาพถ่ายจากเครื่องบินในขณะที่เรือยามาโต้ถูกโจมตีทางอากาศ

ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเราว่า ภายในเรือรบเหล็กลำมหึมา มีชีวิตจริงๆ ของผู้คนตัวเล็กๆ มากมายที่ยังไม่พร้อมจะตายในเยาว์วัย

ลูกเรือยามาโต้ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนวัย 15-16 ปี ที่ต้องออกรบแล้ว เพราะบรรดาชายฉกรรจ์ล้วนอยู่ในสมรภูมิกันหมด เด็กเหล่านี้ถูกปลุกใจให้ฮึกเหิม รบเพื่อปกป้องมาตุภูมิและคนที่รัก แต่ไม่รู้มากไปกว่านั้นว่าต้นเหตุของสงครามล้วนมาจากลัทธิทางทหารของบรรดาผู้นำกระหายเลือดไม่กี่คนที่กุมอำนาจอยู่

ฉากสะเทือนใจฉากหนึ่งเกิดขึ้น ตอนที่บรรดาทหารเด็กที่มีลักษณะไม่ต่างจากเด็กนักเรียนทั่วไป ได้รับทราบว่าจะต้องขึ้นเรือไปรบที่โอกินาวา และไม่มีโอกาสจะกลับมาบ้านอีกแล้ว และผู้บัญชาการเรือได้ให้โอกาสทหารเด็กเหล่านี้ได้ระบายอารมณ์ออกมา เพื่อแสดงความรักต่อคนที่อยู่บนฝั่งเป็นครั้งสุดท้าย ปรากฏว่าทหารเหล่านี้ต่างร้องไห้ด้วยความกลัวตาย ต่างตะโกนคิดถึงพ่อแม่และคนรักอย่างสิ้นหวัง เพราะรู้ดีว่าไม่มีโอกาสกลับมาอีกแล้ว

เรือยามาโต้ โดนโจมตีทางอากาศจนไฟลุกไหม้ทั่วลำ

ยามาโต้เป็นเรื่องราวของทหารเด็กคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์รบครั้งนั้น และได้มีโอกาสกลับไปบริเวณที่เรือจมเมื่อ 60 ปีก่อนอีกครั้งหนึ่ง

สิ่งที่เป็นความรู้สึกสะเทือนใจติดตัวมาตลอดคือ เพื่อนร่วมรุ่นและผู้บังคับบัญชาของเขาตายหมด และก่อนตายพวกเขาได้พยายามช่วยให้เขารอดชีวิตกลับมาได้เพียงคนเดียว

เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่า ทำไมเขาถึงถูกเลือกมาให้มีชีวิตสืบต่อไป

เมื่อรอดชีวิตกลับมาขึ้นฝั่งได้ ทหารเด็กผู้นี้ได้ไปบอกแม่ของเพื่อนว่า ลูกชายของเขาได้ตายแล้วอย่างกล้าหาญ แต่เสียงร่ำไห้และคำพูดของแม่เหล่านี้ล้วนสะเทือนใจยิ่งนักที่ตอกหน้าเขาว่า

"คนอื่นตายกันหมด แล้วทำไมเธอถึงรอดชีวิตกลับมาได้เพียงคนเดียว"

หลังสงครามเขากลับไปบ้านและพบว่า แฟนสาวที่รอเขาอยู่มาโดยตลอดเสียชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิม่า

แต่สุดท้ายเขาได้ค้นพบว่า เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อการตายของคนอื่นจะได้มีคุณค่า

เขายังจำคำพูดของผู้บังคับบัญชาในระหว่างการรบได้ว่า

"ในยามสงคราม พวกเราส่วนใหญ่อยากยอมตาย แต่ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีคนอยากมีชีวิตอยู่สืบไป"

อย่าตาย อย่ายอมแพ้จึงดังก้องมาโดยตลอด

ภาพสุดท้ายของเรือยามาโต้ ที่โดนโจมตีจากเครื่องบินทิ้งระเบิด และ ตอปิโด จากเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ บริเวณทางเหนือของเกาะโอกินาวาเมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1945

ภาพยนตร์เรื่องยามาโต้ แม้ว่าจะเป็นหนังทำเงินมหาศาลในประเทศญี่ปุ่น แต่วันที่ไปดู มีผู้ชมนับหัวได้

อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบดูหนังสงคราม แต่เหมาะกับบรรดาผู้กระหายเลือดที่ชอบปลุกระดมอยากเห็นคนไทยฆ่ากันเอง

ดูแล้วจะรู้ว่าเวลาเกิดสงคราม ผู้บาดเจ็บล้มตายก่อนใครนั้น คือบรรดาพ่อแม่ ผู้อันเป็นที่รัก และญาติพี่น้องที่อยู่แนวหลังนั่นเอง

แบบจำลองของเรือประจัญบาน ยามาโต้

 


มารีนเนอร์ไทยดอทคอม | MarinerThai.Com

 

จำนวนผู้เข้าชมหน้านี้   19278

 Disclaimed: มารีนเนอร์ไทยดอทคอม ขอสงวนสิทธิ์ในการรับรองความถูกต้องในบทความ ข้อมูล เนื้อหา ภายในเว็บไซด์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ภาพ เสียง ซอฟแวร์ การเชื่อมโยง(ลิงค์) และ/หรือ บริการอื่นๆ และจะไม่รับผิดชอบในความผิดพลาดในการใช้เนื้อหาดังกล่าวข้างต้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้าน การค้า การกระทำ การคาดการณ์ พยากรณ์ การวิจัย และอื่นๆ ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเฉพาะของท่านผู้เขียนแต่ละรายไป ตลอดจนข้อกำหนดทางด้านลิขสิทธิ์ กรณีที่ท่านส่งบทความที่มิได้ขออนุญาตต่อผู้ครองสิทธิ์แท้จริงนำมาลงไว้ภายในเว็บไซด์นี้

 

 
 

 

 

Photos from Mariner Cho.Charoen Maritime Instruments

หน้าแรกก | เว็บบอร์ดชาวเรือ | สารบัญเว็บไซด์ชาวเรือ | สมุดภาพเรือเดินทะเล | สนับสนุนเว็บเรา | ติดต่อเรา

© 2002 Mariner Thai Dot Com Mariner Thai Dot Net. All rights reserved - Web designed by .<nv>.

 MarinerThai.Com | MarinerThai.Net | MarinerThai.Org

Contact webmaster: | Organizer : CKN - Cyber Ket Network