ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - mrtnews

#1141
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2559 เวลาประมาณ 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นในรถบรรทุกคันหนึ่งที่จอดอยู่บนดาดฟ้าของเรือโดยสารข้ามฟาก (Passenger Ro Ro Cargo Ship) ชื่อ Mesudiye ความยาว 90 เมตร กว้าง 19 เมตร แลไหม้ลุกลามไปยังรถบรรทุก (trucks) คันอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน มีควันไฟหนาแน่นและผู้โดยสารบนเรือต่างตื่นตระหนก


เหตุเกิดขึ้นในขณะที่เรือโดยสาร Mesudiye กำลังอยู่ในเส้นทางเดินเรือมาจากเมืองแลปเซกิ (Lapseki) เพื่อไปยังท่าเรือ Geliboglu เมืองดาร์ดาแนล ประเทศตุรกี และเรือกำลังจะเข้าเทียบท่าเรือ Geliboglu พอดี

เรือทักลากจูงชื่อ Sonduren 7 และ Kurtarma 9 พร้อมกับเรือกู้ภัยและเรือดับเพลิงถูกส่งออกมาเพื่อช่วยกันดับเพลิงบนเรือ จนไฟดับลงในเวลาต่อมา ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ 


ส่วนเรือโดยสาร Mesudiye ไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงนัก บนภาพถ่ายช่วงเวลาของการเกิดไฟไหม้บนเรือและดับเพลิง เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าไฟไหม้ครั้งนี้อาจเกิดจากก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งลงไปบนหญ้าแห้งบนรถพ่วง (hay trailer) ของรถบรรทุกที่จอดอยู่ในระวางดาดฟ้าเรือ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

เรือโดยสารข้ามฟาก (Passenger Ro Ro Cargo Ship) ชื่อ Mesudiye รหัสหมายเลข IMO คือ 9615884, Size 1,490 GRT, Built 2011, Flag Turkey



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by




..
#1142
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2559 เวลาประมาณ 15.20 น. ตามเวลา UTC มีกลุ่มโจรสลัดจำนวน 7 คนพร้อมอาวุธมีดได้แอบปีนขึ้นบนเรือบรรทุกสินค้าแห้งแบบเทกอง (Bulk carrier) ชื่อ BALTIMORE ความยาว 289 เมตร กว้าง 45 เมตร ขนาด 177,243 เดทเวทตัน ที่พิกัดตำแหน่ง 02 55N 105 19E อยู่ในทะเลจีนใต้ ระยะห่างประมาณ 20 ไมล์ทะเลทางทิศตะวันตกของเกาะ Pulau Jemaja ประเทศอินโดนีเซีย


พวกโจรสลัดได้จับกัปตันมัดเชือกไว้ แล้วทำการรื้อค้นหาทรัพย์สินมีค่าภายในเรือ หลังจากนั้นได้พากันหลบหนีไปพร้อมกับเงินสดและของมีค่าของเรือและของส่วนตัวต่างๆ ของลูกเรือ 

มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการโดนโจมตีเรือสินค้า Baltimore ในครั้งนี้ เรือมีเส้นทางจากเดินเรือมาจากท่าเรือคาร์เทีย (Port Cartier) ประเทศแคนาดา เพื่อไปยังท่าเรือ LanShan ในประเทศจีน และเรือมีสถานะทำการโหลดสินค้าเต็มระวางสินค้าจนทำให้กราบเรืออยู่ในระดับต่ำ (low freeboard) นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมโจรสลัดก็สามารถปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าท้ายเรือได้ไม่ยากนัก

ในเช้าของวันที่ 19 กรกฎาคม 2559 รายงานตำแหน่งเรือจากเครื่องวิทยุเอไอเอสพบว่า เรือสินค้า Baltimore กำลังอยู่ในเส้นทางเดินทางเรือมุ่งหน้าไปยังท่าเรือปลายทางในประเทศจีนในทะเลจีนใต้


เรือบรรทุกสินค้าแห้งแบบเทกอง (Bulk carrier) ชื่อ BALTIMORE รหัสหมายเลข IMO คือ 9331464 ขนาด 177,243 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2005 จดทะเบียนชักธง Marshall Islands



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by
#1143
ไม่รู้ดวงสมพงศ์อะไรกันนักหนา สัปดาห์ก่อน เจ้าภาพ "ฝรั่งเศส" เพิ่งแพ้ "โปรตุเกส" แบบพลิกล็อกในฟุตบอลยูโร 2016 ถัดมาไม่กี่วัน "เรือดำน้ำ" ของโปรตุเกส ก็ดันไป "ติดอวน" ของเรือประมงฝรั่งเศสเข้าให้


เรือดำน้ำ "ไทรเดนต์" ของโปรตุเกสกำลังร่วมซ้อมรบอยู่กับกองเรือ "รอยัล เนวี 55" ของอังกฤษ ที่นอกชายฝั่ง "ลิซเซิร์ด พอยต์" ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้อังกฤษ แต่ไม่รู้เผลออีท่าไหน กลับไปติดอวนเรือประมง "เดย์โทนา" ของฝรั่งเศส ที่กำลังหาปลาอยู่ในย่านนั้นเข้าให้

พอรู้ว่า ติดอวน ผู้บังคับการเรือดำน้ำรีบนำเรือโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำทันทีเพื่อแจ้งให้เรือประมงรีบปลดอวน งานนี้เรือทั้งสองลำไม่เสียหายและไม่มีใครเป็นอันตรายใดๆ ต่างจากในปี 2547 เรือลากอวน "บูกาลีด บรีซห์" ของฝรั่งเศส จมลงที่นอกชายฝั่ง "ลิซเซิร์ด พอยต์" แห่งนี้ ลูกเรือเสียชีวิตถึง 5 คน ครอบครัวของเหยื่อกล่าวหาว่า เรือล่มเพราะถูกเรือดำน้ำที่กำลังซ้อมรบในบริเวณนั้นและเกิดติดอวนลากลงไปใต้ท้องทะเล คดีนี้ยังฟ้องร้องกันไม่จบในศาลอังกฤษจนถึงบัดนี้


เรือดำน้ำกับเรือลากอวนจึงเป็น "ไม้เบื่อ ไม้เมา" กันด้วยประการฉะนี้!

ดิน ดอกข่อย



ที่มา Data & Images -
#1144
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2559 งานศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศธรรมชาติเปิดเผยว่า การปล่อยก๊าซจากการขนส่งสินค้าทางเรือในเอเชียตะวันออกที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนในภูมิภาคนับหมื่น ๆ คนต่อปี และกระตุ้นสภาวะโลกร้อน


ความรุนแรงเช่นนี้มีท่าทีจะเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ หลังประเทศจีนเดินหน้านโยบายฟื้นเส้นทางสายไหมเพื่อเชื่อมการค้ายุโรป

ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนและอเมริกันใช้ข้อมูลที่บันทึกจากเรือมากกว่า 18,000 ลำในภูมิภาคเมื่อปี 2556 เพื่อคำนวนอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบ โดยพวกเขาพบว่า มีการขนส่งทางเรือในเอเชียตะวันออกเพิ่มขึ้น 2 เท่านับตั้งแต่ปี 2548


ข้อมูลชี้ว่า ในปี 2556 มีการขนส่งทางเรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น 16 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงระหว่างปี 2545 – 2548 ที่อยู่ระดับ 4 – 7 เปอร์เซ็นต์ ผลกระทบจากสถานการณ์ที่หนักขึ้นนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชาชนประมาณ 14,500 – 37,500 คนต่อปี

ผลการคำนวณระบุว่า การปล่อยก๊าวเรือนกระจกจากเรือขนส่งเกี่ยวข้องต่อการเสียชีวิตของชาวจีน 18,000 คน ชาวญี่ปุ่น 3,600 คน ชาวไต้หวันพร้อมด้วยชาวฮ่องกงและมาเก๊า 1,100 คน ชาวเกาหลีใต้ 800 คน และชาวเวียดนาม 600 คน



ที่มา Data & Images -
#1145
หนังสือพิมพ์แนวหน้า - พุธที่ 20 กรกฎาคม 2559 - นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าในการศึกษาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่หรือท่าเรือครุยส์(Cruise) ว่า ในเบื้องต้นจากผลการศึกษาได้ยกเลิกการพัฒนาท่าเรือครุยส์ที่จ.กระบี่ เนื่องจากทาง กรมเจ้าท่า ได้พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมในการดำเนินการ และได้มีการพิจารณาพื้นที่ใหม่ในบริเวณจ.ภูเก็ต รวมถึงจะมีการนำร่องที่ อ.เกาะสมุย เนื่องจากสมุยสามารถเชื่อมต่อจากอ่าวไทยไปยังกัมพูชา และเวียดนามได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบโดย บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท นิวเอสเซท แอดไว เซอรี่ จำกัด และมีกำหนดการแล้วเสร็จประมาณเดือน ก.ย. 2559


ทั้งนี้ได้มีการเร่งรัดให้ กรมเจ้าท่า รีบดำเนินการในการออกหลักเกณฑ์รายละเอียดคาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนเอกชนมาลงทุนท่าเรือได้ใน มี.ค. 2560

ในส่วนของการพัฒนาท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อเชื่อมโยงอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก(East-West Ferry) ทางกรมเจ้าท่า ก็ได้เตรียมประกาศให้เอกชนผู้สนใจดำเนินการ สร้างท่าเรือเฟอร์รี่ลงเว็บไซต์ภายใน 2-3 เดือนนี้ ซึ่งเบื้องต้นมีเอกชน 2 รายที่เข้ามานำเสนอรายละเอียดในการดำเนินการเดินเรือในรูปแบบของสามเหลี่ยมคือจากพัทยา-บางปูชะอำ หรือหัวหิน


มีรายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคม ยังให้บริษัทที่ปรึกษาฯ ทำศึกษารายละเอียดโครงการในส่วนพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยด้านตะวันออกด้วยได้แก่ ทางเลือก E-1 ท่าเรือเกาะลอย อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ,ทางเลือก E-2 ท่าเรือแหลมฉบัง (A1) ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี,ทางเลือก E-3 ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยา (ท่าเรือแหลมบาลีฮาย) อ.เมืองพัทยา และทางเลือก E-4 ท่าเรือ จุกเสม็ด ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ส่วนพื้นที่ทางเลือกชายฝั่งด้านตะวันตกได้แก่ ทางเลือก W-1 พื้นที่ปากร่องน้ำ บจก.ชลประทานซีเมนต์ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี, ทางเลือก W-2 พื้นที่วัดไทรย้อย ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และทางเลือก W-3 ท่าเทียบเรือประมงหัวหิน เขต ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์



ที่มา Data & Images -
#1146
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 เวลาประมาณ 11.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo vessel) ชื่อ Yamato Maru No.8 บรรทุกสินค้าเป็นกรวด (gravel) ได้แล่นเรือชนปะทะกับเรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo vessel) ชื่อ  Hosho Maru บริเวณด้านในของทะเลญี่ปุ่น ระยะห่าง 2 ไมล์ทะเลนอกชายฝั่งของเกาะอุเอะชิมะ (Ueshima) จังหวัดเฮียวโก ประเทศญี่ปุ่น


หลังเกิดเหตุเรือสินค้า Yamato Maru No.8 ได้รับความเสียหายรุนแรง เรือได้ล่มและจมลงใต้น้ำทั้งลำ ลูกเรือจำนวน 3 คน หนึ่งคนสูญหายไป อีกคนหนึ่งเสียชีวิตในโรงพยาบาล ส่วนคนสุดท้ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเรือสินค้า Hosho Maru สันนิษฐานว่าไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงนัก

ก่อนเกิดเหตุเรือสินค้า Yamato Maru No.8 กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองโอซาก้า (Osaka) เดินทางมาจากจากเมืองอาโค (Ako) พร้อมกับบรรทุกสินค้าเป็นหินกรวดบดปริมาณ 1,300 ตันในระวางสินค้า  เรือสินค้า Hosho Maru พร้อมกับลูกเรือ 5 คนปลอดภัย และสามารถออกเดินทางต่อไปได้ สาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้อยู่ภายใต้การสอบสวนโดยหน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่น


เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo vessel) ชื่อ YAMATO MARU NO.8 รหัสหมายเลข IMO คือ 8815372 ขนาด 600 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1989 จดทะเบียนชักธง Japan เจ้าของและผู้จัดการเรือคือบริษัท Eiki Kaiun - ITANO, JAPAN

เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo vessel) ชื่อ HOSHO MARU รหัสหมายเลข IMO คือ 8742630 ขนาด 1,630 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2008 จดทะเบียนชักธง Japan เจ้าของและผู้จัดการเรือคือบริษัท Aisho Kisen, JAPAN



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by
#1147
ในเช้าของวันที่ 17 กรกฎาคม 2559 เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo vessel) ชื่อ Captain Ufuk ความยาว 88 เมตรกว้าง 14 เมตรขนาด 9,770 เดทเวทตันที่ถูกจอดทอดสมอทั้งไว้และไม่มีผู้ใดอยู่บนเรือได้เกิดมีน้ำรั่วไหลเข้าไปในตัวเรือและจมลงทั้งลำในอ่าวมะนิลา (Manila Bay) ประเทศฟิลิปปินส์ในเวลาต่อมา สาเหตุคาดว่าเนื่องจากเรือลำนี้ขาดการบำรุงรักษามาเป็นเวลายาวนาน


เรือสินค้า Captain Ufuk ถูกศุลกากรฟิลิปปินส์จับยึดเรือไว้ตั้งแต่ปี 2552 เนื่องจากพบว่าลักลอบขนอาวุธปืน (high-powered guns ) จำนวน 14 ลังมูลค่าประมาณ 25 ล้านเปโซ ปนมากับสินค้าในเรือ และเรือได้ถูกทอดทิ้งไว้ตั้งแต่นั้นมาโดยปราศจากคนเฝ้าบนเรือ

ตัวเรือเริ่มแตกร้าวจนมีน้ำรั่วไหลเข้าไปในตัวเรือ มากที่สุดอาจจะอยู่ในบริเวณของห้องเครื่องยนต์ และต่อมาเรือได้จมลงน้ำทั้งลำ แม้ยามฝั่งฟิลิปปินส์จะพยายามป้องกันไม่ให้เรือสินค้า Captain Ufuk จมน้ำก็ตาม 


เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo vessel) ชื่อ Captain Ufuk รหัสหมายเลข IMO คือ 6802216 ขนาด 3,770 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1987 จดทะเบียนชักธง Cyprus



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by
#1148
เรือสำราญนำนักท่องเที่ยวชมทัศนียภาพของเปรูระเบิดกลางแม่น้ำอะเมซอน ไฟลุกไหม้ลูกเรือสูญหาย 4 ราย


วันนี้ (18 ก.ค. 59) เรือสำราญ ซึ่งนำนักท่องเที่ยวชมทัศนียภาพของแม่น้ำ อะเมซอน เกิดระเบิดที่เปรู  ทำให้มีผู้สูญหายอย่างน้อย 4 คน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้น ขณะเรือจอดอยู่ที่ท่าเรือเมือง อีกีโตส  ในแม่น้ำ อีตายา ซึ่งเป็นสาขาย่อยของแม่น้ำอะเมซอน โดยระเบิดเกิดขึ้นที่ถังน้ำมันภายในลำเรือ ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ นักดับเพลิงพยายามดับไฟ ที่โหมไหม้ แต่เรือได้อับปางในแม่น้ำ

บริษัท อะควา เอ็กพีดิชั่นส์ (Aqua Expeditions) ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ แถลงทางเว็บไซต์ของบริษัทว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่บนเรือ นอกจากลูกเรือ ซึ่งกำลังทำงานอยู่บนเรือ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และสูญหายดังกล่าว


ขณะที่มีรายงานจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ว่า มีผู้สูญหายทั้งหมด 7คน  โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามค้นหาศพผู้สูญหายอยู่จนถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันจันทร์ในไทย

เมืองท่าอีกีโตส ถือเป็นเมืองเอกในป่าดิบชื้นอะเมซอน ของเปรู และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ของผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางล่องแม่น้ำอะเมซอน และชมทัศนียภาพ โดยบริษัท อะควา เอ็กพีดิชั่นส์ เป็นบริษัทเรือสำราญหรู ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวล่องแม่น้ำอะเมซอนและแม่น้ำสาขา




ที่มา Data & Images -
#1149
กระทรวงแรงงาน เผย พ.ร.บ.แรงงานทางทะเล ทำให้ผู้ที่ทำงานบนเรือ กว่า 4 หมื่นคน ได้รับการคุ้มครองตามมาตราฐานสากล


เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 59 นายธีรพล  ขุนเมือง  ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน อธิบายสาระสำคัญของพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ.2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 59 ที่ผ่านมา ว่า กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ผู้ที่งานประจำเรือเดินทะเลได้รับประโยชน์ และได้รับการคุ้มครองกว่า 40,000 คน นอกจากนี้เจ้าของเรือที่มีขนาด 200 ตันกรอสขึ้นไปกว่า 1,000 ลำ จะได้ประโยชน์ทั้งในเรื่องการรับรองว่าการปฏิบัติถูกต้องตามมาตรฐานสากลภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ.2559 ขององค์การแรงงาน (ไอแอลโอ) ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันการค้าระหว่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับเนื้อหาสำคัญของกฎหมายฉบับนี้จะเน้นการดูแลคุ้มครองผู้ที่ทำงานประจำเรือ ทั้งด้านสภาพการทำงานบนเรือเดินทะเล สภาพการจ้าง ความปลอดภัย และสุขอนามัย ตลอดจนการคุ้มครองด้านการประกันสังคม อาทิ ห้ามใช้งานผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16ปีทำงานประจำเรือ ต้องจัดให้ผู้ที่ทำงานมีเวลาพักผ่อนไม่น้อยกว่า 1 ชม. มีสิทธิในการลาขึ้นฝั่ง ลาคลอด รวมถึงต้องมีหนังสือข้อตกลงการจ้าง ระบบการรักษาพยาบาล การคุ้มครองชีวิต ป้องกันอุบัติเหตุ ค่าล่วงเวลาต้องไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าต่อ ชม. และต้องจัดหาคนประจำเรือให้เพียงพอกับงานให้เป็นตามมาตรฐานสากลอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า พล.อ.ศิริชัย  ดิษฐกุล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เน้นย้ำให้กระทรวงแรงงาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอย่างใกล้ชิดทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และเจ้าของเรือ เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกิจการเดินเรือทะเล และทำให้เกิดการคุ้มครองแรงงานทางทะเลตามกฎหมายเพื่อส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของไทย



ที่มา Data & Images -




คอลัมน์: พัฒนาคน พัฒนาชาติ: พระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง - จันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2559 - พระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2559 มีทั้งหมด 14 หมวด 125 มาตรา เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ เนื่องจากสภาพการจ้างงาน  การทำงานบนเรือเดินทะเลมีความเสี่ยงภัยทางทะเลและมีระยะเวลาการทำงานที่ต่อเนื่องยาวนานประกอบกับสภาพการจ้าง สภาพการทำงานของคนทำงานบนเรือบางส่วนมิได้เป็นไปตามสัญญาจ้างแรงงาน เพื่อให้การทำงานของคนประจำเรือได้รับความเป็นธรรมตามอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ.2549 (MaritimeLabourConvention,2006) ขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (InternationalLabour Organization)


ประเทศไทยภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงได้ตรากฎหมายดังกล่าวขึ้นเพื่อกำหนดมาตรฐานสภาพการทำงาน สภาพการจ้างความปลอดภัยและสุขอนามัยของคนประจำเรือและการคุ้มครองด้านประกันสังคม โดยกำหนดมาตรการให้มีการออกใบรับรองแรงงานทางทะเลแก่เรือที่ชักธงไทยเพื่อรับรองว่าคนประจำเรือจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมตามมาตรฐานสากล เพื่อป้องกันการใช้มาตรการของรัฐเมืองท่าต่อเรือไทยที่เดินทางระหว่างประเทศ เช่นการกักเรือการตรวจเรือการสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ 3 ฝ่าย คือ เจ้าของเรือ มีใบรับรองด้านแรงงานทางทะเล ขนส่งสินค้า อีกทั้งสร้างความเชื่อมั่นผู้ว่าจ้าง คนประจำเรือ ได้รับการคุ้มครองสภาพการทำงานบนเรือ ค่าจ้าง เวลาพัก วันหยุด ลาคลอด การรักษากรณีเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ฯลฯ รัฐบาล จะมีรายได้จากการจดทะเบียนเรือ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันการค้าระหว่างประเทศด้วย โดยพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้แต่งตั้งข้าราชการจากหลายหน่วยงาน อาทิ ข้าราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมการจัดหางาน และสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานเป็นต้น

วันก่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เป็นประธานเปิดโครงการอบรมให้ความรู้ตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ.2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และเผยแพร่สาระสำคัญเกี่ยวกับพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ.2558 และเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งนำความรู้ที่ได้รับไปบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง โดยผู้เข้าร่วมการอบรมประกอบไปด้วย ข้าราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ข้าราชการกระทรวงคมนาคม ข้าราชการกรมเจ้าท่า ข้าราชการกรมการกงสุล ฝ่ายเจ้าของเรือฝ่ายคนประจำเรือ สถาบันการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมกว่า 200 คน

หวังว่าผู้เข้ารับการอบรมจะได้มีความรู้เรื่องพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ.2558 เพิ่มมากขึ้น และสามารถนำไปขยายผล เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้เข้าใจตรงกันโดยนำกลไก "ประชารัฐ" มาบูรณาการความร่วมมือระหว่าง "ประชาชน" กับ "เจ้าหน้าที่รัฐ" เพื่อบริหารกฎหมายให้เกิดประโยชน์สูงสูดต่อกิจการขนส่ง และการคุ้มครองแรงงาน ทางทะเล ตลอดจนการพัฒนากิจการพาณิชย์นาวีของประเทศไทยด้วย

ธีรพล ขุนเมือง



ที่มา Data & Images -
#1150
กลุ่มโจรเกือบ 10 คนบุกปล้นผู้โดยสารชาวต่างชาติบนเรือสำราญหรู ขณะแล่นอยู่กลางแม่น้ำอะเมซอนในเปรู


วันนี้ (15 ก.ค. 59) เกิดเหตุกลุ่มโจร8คน บุกขึ้นเรือสำราญหรูชื่อ "อะเมซอน ดิสคัฟเวอรี่" เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ขณะที่เรือสำราญกำลังแล่นอยู่ในแม่น้ำอะเมซอน ใกล้กับเมืองอิควิโตสของเปรู และมีผู้โดยสารอยู่บนเรือสำราญทั้งหมด30คน เป็นชาวเปรู2คน นอกนั้นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเป็นชาวอเมริกัน20คน ชาวออสเตรเลีย6คนและชาวนิวซีแลนด์2คน

ด้านนายออสการ์ การ์ริโด้ หัวหน้ากัปตันท่าเรืออิควิโตสเปิดเผยว่า เหตุปล้นเรือสำราญเกิดขึ้นในเวลาเช้ามืดตี 3 ของวันพฤหัสที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยเวลาในเปรูช้ากว่าบ้านเราประมาณ 12 ชั่วโมง และพวกโจรหลบหนีไปได้ หลังจากปล้นเงินจากผู้โดยสารไปได้ราว 20,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 700,000 บาท


อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และเปรูส่งหน่วยยามฝั่งออกไปคุ้มกันเรือสำราญดังกล่าว ให้เข้าจอดเทียบท่าที่เมืองอิควิโตสเรียบร้อยแล้ว และผู้โดยสารจะให้ปากคำกับตำรวจ ขณะนี้ตำรวจเปรูกำลังออกไล่ล่าตัวกลุ่มโจรที่ก่อเหตุทั้งทางน้ำและทางบก โดยออกตามล่าในแม่น้ำอะเมซอน และในอีกหลายเมืองที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำอะเมซอน




ที่มา Data & Images -
#1151
ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ นำผู้แทน 9 ชาติร่วมประชุม ReCAAP ฟังบรรยายศูนย์ประสานการปฏิบัติงานรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียน หวังรู้งานเพื่อประสานในอนาคต


วันนี้ (15 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ เวลา 09.00 น. พล.ร.ต.เกรียงไกร อนันตศานต์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ นำผู้แทนจากประเทศต่างๆ จำนวน 30 คนที่เข้าร่วมการประชุม ในโอกาสครบรอบ 10 ปีการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย (ReCAAP) รับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)

ทั้งนี้ กองทัพเรือ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย (The Regional Cooperation Agreement on CombatingPiracy and Armed Robbery against Ships in Asia : ReCAAP) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม RegionalMaritime Security Conference 2016 : Regional Cooperation and Collaboration in Fighting AgainstTransboundary Crimes at Sea ระหว่าง 13-15 กรกฎาคม ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ ประมาณ 30 คนจาก 9 ประเทศ ประกอบด้วย สิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ พม่า อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุม มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภารรัฐและภาคเอกชนในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวข้องทั้งหมด


สำหรับการเดินทางเข้ารับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของ ศรชล.ในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุม ได้รับทราบถึงภารกิจในการดูแลเรือสินค้าไทยที่ต้องเดินเรือผ่านพื้นที่เสี่ยงภัยจากการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือด้วยอาวุธ รวมถึงการปฏิบัติงานของ ศรชล.ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เพื่อช่วยเหลือในการแก้ไขการทำการประมงผิดกฎหมาย (IUU-Fishing) ซึ่งจะทำให้ผู้แทนจากประเทศต่างๆ ได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติงานของ ศรชล. อันจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานงานร่วมกันต่อไปในอนาคต



ที่มา Data & Images -
#1152
"บิ๊กตู่" หนุนแจ้งเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ปั้นท่าเรือจุกเสม็ด 3 ท่า รับการค้า-ท่องเที่ยวโต ผุดสะพานเทียบเรือเฟอร์รี่ เชื่อมสัตหีบ-หัวหิน-จังหวัดพระสีหนุ-โฮจิมินห์ซิตี-สิงคโปร์ เปิดใช้ปี?61 ตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 500 ล้าน เชื่อมโลจิสติกส์บก น้ำ อากาศ


พล.ร.ต.อารักษ์ แก้วเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแผนการพัฒนาท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ว่า ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ หรือท่าเรือจุกเสม็ด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ มีพื้นที่ทั้งหมดราว 20,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยท่าเรือ 6 ท่า แบ่งเป็นท่าจอดเรือรบของกองทัพเรือ (ท่าที่ 1-3) และเป็นท่าเรือสำหรับขนส่งสินค้าประเภทอุตสาหกรรม (ท่าที่ 4-6) โดยมีแผนจะพัฒนาท่าเรือที่ 4-6 ให้เป็นท่าเรือรองรับด้านการท่องเที่ยว และเรือเฟอร์รี่ รวมทั้งปรับปรุงพื้นที่สำหรับการขนส่งสินค้าให้ได้มากขึ้น

ลงทุน 192 ล.บริหารท่าเรือพาณิชย์

ขณะนี้มีแผนการพัฒนาท่าเรือหมายเลข 6 เป็นแห่งแรก มีพื้นที่หน้าท่าประมาณ 150 เมตร ความลึกประมาณ 3.5-9 เมตร เป็นท่าชายฝั่งที่มีความลึกไม่มาก เหมาะสำหรับการจอดเรือเฟอร์รี่ โดยมีแผนปรับปรุงขยายหน้าท่าออกไป สร้างสะพานเทียบเรือ 2 สะพาน และท่าเทียบเรือ 4 ท่า สามารถรองรับการจอดเรือเฟอร์รี่ได้ 4 ลำ โดยใช้งบประมาณจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการบริหารท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ จำนวน 192 ล้านบาท

การออกแบบท่าเรือจะเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะประกาศหาผู้ว่าจ้างและจะเริ่มเปิดประกวดราคาช่วงต้นปี 2560 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี แล้วเสร็จในปี 2561

ในส่วนของท่าเรือที่ 4 และ 5 นั้น ในปีนี้มีแผนจะขยายหน้าท่าเพิ่มจาก 330 เมตร เป็น 380 เมตร และในปี 2560-2563 มีโครงการขุดลอกร่องน้ำ จากเดิมที่มีความลึก 10.5 เมตร รองรับเรือสินค้าขนาด 5,000 ตันกรอส เพิ่มเป็นความลึก 14 เมตร เพื่อให้สามารถรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ขึ้น เช่น เรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ได้ รวมทั้งเรือครุยส์ขนาดใหญ่ที่กินน้ำลึกตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป ขณะนี้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมกำลังศึกษาการขุดหน้าท่าและการขุดลอกร่องน้ำ ส่วนท่าที่ 1, 2, 3 นั้นจะยังคงใช้เป็นที่สำหรับจอดเรือรบของกองทัพเรือ เพราะท่าเรืออื่นของกองทัพเรือยังไม่มีพื้นที่ที่สามารถรองรับเรือเหล่านี้ได้

อาคารผู้โดยสารรับเรือเฟอร์รี่

นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสำหรับเรือเฟอร์รี่(FerryTerminal)และสิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณท่าเรือที่ 4 และ 5 ซึ่งต้องประเมินจากจำนวนผู้โดยสารเรือเฟอร์รี่ก่อน เบื้องต้นต้องการให้รองรับได้ประมาณ 2,000 คน ปัจจุบันมีการใช้พื้นที่เกือบเต็มแล้ว เพราะเอกชนต้องใช้พื้นที่สำหรับวางกองและประกอบโครงสร้างชิ้นส่วนสินค้า ดังนั้นหากจะสร้างอาคารผู้โดยสารอาจต้องมีการเจรจาผู้ประกอบการบางรายให้ย้ายออก และต้องหาพื้นที่อื่นไว้รองรับ

สำหรับการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ นั้น พล.ร.ต.อารักษ์กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างก่อสร้างถนนสาย 331 ขยายจาก 2 เลน เป็น 4 เลน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ตัดเข้ามาสิ้นสุดในท่าเรือ จะแล้วเสร็จสิ้นปี 2559 นี้ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเดินทางและขนส่งสินค้า ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ก็ได้ปรับปรุงรางรถไฟที่วิ่งเข้ามาในท่าเรือที่ไม่ได้ใช้งานตั้งแต่ปี 2546 โดยขยายรางจากขนาด 80 ซม. เป็น 120 ซม. เพื่อให้มีมาตรฐาน รองรับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารได้ในอนาคต โดยจะเปิดให้บริการได้ปลายปี 2559 นี้


มอเตอร์เวย์เชื่อม บก-น้ำ-อากาศ

ขณะที่มอเตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุด ที่จะมาลงบริเวณหน้าสนามบินอู่ตะเภาก็คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2560 หากโครงการทั้งหมดนี้แล้วเสร็จ จะช่วยเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางบก อากาศ และทางน้ำ โดยท่าเรือพาณิชย์สัตหีบอยู่ห่างจากสนามบินอู่ตะเภาเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งไม่มีที่ไหนในประเทศไทยที่สนามบินและท่าเรืออยู่ใกล้กันขนาดนี้ จะพัฒนาควบคู่กันไป ซึ่งท่าหมายเลข 6 จะเกิดแน่นอน และพื้นที่อุตสาหกรรมกับท่องเที่ยวก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะจะแยกช่องทางกันระหว่างคนกับสินค้า

ที่สำคัญยังได้วางแผนเชื่อมโยงเส้นทางเรือเฟอร์รี่ไว้ 3 เส้นทาง คือ 1.สัตหีบ-เกาะช้าง-จังหวัดพระสีหนุ-โฮจิมินห์ซิตี 2.สัตหีบ-ปราณบุรี-หัวหิน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ช่วยทุ่นเวลาการเดินทางจาก กทม. ทางรถยนต์ที่ต้องใช้เวลาถึง 6-7 ชั่วโมง และเป็นการเชื่อมต่อระหว่างภาคใต้กับภาคตะวันออก สามารถเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าได้ และ 3.เส้นทางสัตหีบ-สมุย-สิงคโปร์ คาดว่าจะเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นรูปธรรมชัดเจนใน 5 ปี หรือเต็มที่ภายใน 10 ปี

ทั้งนี้ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบมีเอกชนเข้ามาใช้พื้นที่จำนวน 16 ราย สินค้าที่ขนส่งผ่านท่าเรือจะเป็นสินค้าขนาดใหญ่ เช่น โครงสร้างอาคาร ฐานขุดเจาะน้ำมัน มีรายได้เฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท แต่ปีนี้มีรายได้ประมาณ 190 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจน้ำมันซบเซาลง จึงติดต่อสินค้าประเภทวางกองอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติม หากมีการพัฒนาเป็นไปตามแผน คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 500-1,000 ล้านบาทต่อปี จากการท่องเที่ยวและเรือสินค้าที่เพิ่มขึ้น



ที่มา Data & Images -
#1153
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) - ศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2559 - นายสมชาย เหมทอง รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท.มีโครงการลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 มูลค่า 8.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้ 8 ล้าน TEU โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ (EHIA) คาดว่าจะดำเนินการได้เสร็จในปลายปี 60 และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในไตรมาส 2/60


โดยโครงการนี้อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการ PPP หลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการมาตรา 13 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ขึ้นมาดำเนินการประมูล ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงครึ่งหลังปี 60 โดยรูปแบบจะเปิดให้เอกชนเข้าลงทุน 100% และให้ระยะเวลาสัมปทานในการบริหารท่าเรือ 30 ปี แต่อาจมีการทบทวนเงื่อนไขที่จะให้สัมปทานกับเอกชนอีกครั้งก่อนเปิดประมูล ทั้งนี้ตามแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี 61 และสร้างแล้วเสร็จในปี 63

"โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 เป็นอภิมหาโปรเจ็กท์ มีมูลค่าถึง 8.3 หมื่นล้านบาท รองรับปริมาณขนส่งได้ 8 ล้านTEU เทียบกับท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 1 และเฟส 2 รวมกัน รับปริมาณขนส่งสินค้าได้ 10 ล้านTEU ตอนแรกจะให้เอกชนลงทุน5 หมื่นล้านบาท การท่าเรือลง 3 หมื่นล้านบาท แต่อาจจะเปิดให้เอกชนลงทุน 100% เปลี่ยนเงื่อนไขการให้ผลตอบแทนให้เอกชนมากขึ้น ตอนนี้เราทำงานออก TOR งาน detail design ขนานกันไป" นายสมชาย กล่าว


นอกจากนี้ กทท.มีโครงการ Marine Time Center บนพื้นที่ 17 ไร่ที่ท่าเรือกรุงเทพ ใกล้กับสำนักงานการท่าเรือฯ มูลค่าโครงการ 5 พันล้านบาท ทั้งนี้จะนำเสนอคณะกรรมการ PPP เพื่อส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าว กทท.สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ จากนั้นจะเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามา ซึ่งคาดว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จะให้ความสนใจกันมาก เพราะโครงการดังกล่าวจะเป็นศุนย์รวมการบริการขนส่งทางเรือที่จะเป็น one stop service



ที่มา Data & Images -
#1154
ภายในงาน Asian Freight, Logistics & Supply Chain Award (AFLAS) ครั้งที่ 30 บริษัท EUROGATE Container Terminal Hamburg ได้รับรางวัลท่าเทียบเรือตู้สินค้าดีเด่นประจำทวีปยุโรป โดยในปีนี้ บริษัทฯ ถือเป็นการรับรางวัลปีที่สามติดต่อกัน โดยผลโหวตรางวัลส่วนใหญ่มาจากผู้อ่านนิตยสาร Asia Cargo News ซึ่งได้ร่วมลงคะแนนให้ EUROGATE Container Terminal Hamburg เป็นท่าเทียบเรือดีเด่นประจำทวีปยุโรป ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว มีผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้าจากเอเชียให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก


สำหรับเกณฑ์การโหวตคะแนนเพื่อมอบรางวัล AFLAS นั้น อ้างอิงจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ความสามารถในการจัดการตู้สินค้าในท่าเทียบเรือ ประสิทธิภาพของการปฏิบัติการรถบรรทุกตู้สินค้า ความเหมาะสมของการลงทุนในโครงสร้างท่าเทียบเรือใหม่มีความสอดคล้องกับความต้องการในอนาคต รวมทั้งประสิทธิภาพของระบบไอที นอกจากนี้ ทาง EUROGATE ยังมีความสามารถในการรองรับเรือขนาดใหญ่ (megaship) ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ Mr. Peter Zienlinski กรรมการผู้จัดการ ท่าเทียบเรือ Hamburg ได้ให้เกียรติเข้ารับรางวัลดังกล่าว และได้กล่าวขอบคุณลูกค้าและผู้ใช้บริการในทวีปเอเชีย และพนักงานในท่าเทียบเรือ EUROGATE Container Terminal Hamburg ทุกคนอีกด้วย สำหรับการปฏิบัติงานอย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด




ที่มา Data & Images - Logistics Manager | thai.logistics-manager.com
#1155
ภาพถ่ายทางอากาศของเรือรบหลายสิบลำจากกองทัพเรือทั่วทุกมุมโลกได้เข้าจอดเทียบท่าในอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์บนเกาะโอวาฮู, รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา เพื่อรอเข้าร่วมการซ้อมรบทางเรือพหุนาวีที่มีชื่อรหัสว่า  RIMPAC 2016 หรือชื่อเต็ม Rim of the Pacific Exercise ประจำปี ค.ศ. 2016 อันเป็นการฝึกของกองกำลังทางเรือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก


โปรแกรมการฝึกที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในทุกๆ 2 ปี สำหรับปีนี้จะมีการฝึกขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ถึง 4 สิงหาคม 2559 มีกองทัพเรือจาก 26 ประเทศด้วยเรือรบและเรือดำน้ำมากกว่า 40 ลำ อากาศยานกว่า 200 ลำและทหารกว่า 25,000 นาย ใช้สถานที่ฝึกคือ ฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย บริเวณในและรอบๆ หมู่เกาะฮาวาย และภาคใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

เนื้อหาสำคัญของการซ้อมรบ RIMPAC คือการทดลองอาวุธร่วมกัน การขนส่งทางทะเล การต่อต้านโจรสลัด ยุทธนาการณ์ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยธรรมชาติ การสู้รบแบบสกัดและยกพลขึ้นฝั่ง ประสานการโจมตีระหว่างเรือรบกับเฮลิคอปเตอร์ขนส่ง ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองกองทัพเรือของจีนได้เข้าร่วมฝึกด้วยในด้าน ความมั่นคงในการเดินเรือทางทะเล การสนับสนุนด้านเสนารักษ์ การกู้ภัยด้านสิทธิมนุษยธรรมและบรรเทาภัยธรรมชาติ

การฝึกซ้อมรบทางเรือ RIMPAC 2016 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 25 นับตั้งแต่เริ่มต้นการฝึกนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1971







ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by



..-