ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ประมวลข่าว ทุ่น SPM ของ PTTGC ขนถ่ายน้ำมันดิบ 'ท่อรั่ว' ทะลัก 70 ตันลงทะเลอ่าวไทย

เริ่มโดย mrtnews, ก.ค 28, 13, 19:36:39 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ระยอง น้ำมันดิบ 70 ตันทะลักกลางอ่าวไทย ห่างชายฝั่งระยอง 20 กม. พีทีที โกลบอล เคมิคอล ยืนยันคุมได้แล้วไม่ถูกพัดถึงชายฝั่ง เหตุท่อขนาด 16 นิ้วรั่วระหว่างขนถ่าย


มีรายงานว่าช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเลขนาด 16 นิ้ว ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รั่วห่างจากฝั่งท่าเรือมาบตา พุดประมาณ 20 กิโลเมตร ทำให้น้ำมันดิบไหลออกสู่ทะเลประมาณ 50-70 ตัน คราบน้ำมันได้กระจายบนผิวน้ำเป็นบริเวณกว้างต่อมา บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ฉบับแรกระบุว่า เวลาประมาณ 06.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม ขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันกำลังขนถ่ายน้ำมันดิบผ่านทุ่นรับน้ำมันดิบมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ได้เกิดอุบัติเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว รั่วบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single  Point  Mooring)  STP ที่อยู่ห่างจากฝั่งท่าเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประ มาณ 20 กิโลเมตร


หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของบริษัท ซึ่งเป็นผู้บริหารทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) ได้ทำ การปิดวาล์วหยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ทันที เพื่อไม่ให้มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มอีก พร้อมนำทุ่นกักน้ำมัน (Boom) กักคราบน้ำมันไว้ และใช้เครื่องมือเก็บคราบน้ำมัน  Oil  Skimmer เก็บคราบน้ำมันขึ้นไปเก็บในภาชนะบนเรือ

สำหรับจำนวนน้ำมันที่รั่วไหลอยู่ระ หว่างการตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัด หลังจากทราบเหตุทางบริษัทได้แจ้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทันที คือ ทัพเรือภาคที่ 1 กรมเจ้าท่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมป้อง กันและบรรเทาสาธารณภัยให้ทราบเบื้องต้น พร้อมเข้าร่วมปฏิบัติการขจัดคราบน้ำ มัน

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 07.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค จ.ระยอง ว่า ท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ห่างจากฝั่งท่าประมาณ 10 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 18 กม. ท่ามกลางกระแสคลื่นและลมแรงจัด ได้เกิดอุบัติเหตุท่อส่งน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่ว ทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลประมาณ 50-70 ตัน แพร่กระจายบนผิวน้ำเป็นบริเวณกว้าง

มีรายงานว่า กองทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมวางบูมล้อมบริเวณคราบน้ำมันและฉีดน้ำยา

นายประทีป เอ่งฉ้วน ผู้อำนวยการสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองฯ จ.ระยอง เปิดเผยว่า ภายหลังที่น้ำมันดิบรั่ว 5 นาที เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์การรั่วไหลได้ และได้เร่งสกัดคราบน้ำมันที่อยู่บนผิวน้ำอย่างเต็มที่ ด้วยการนำทุ่นกักน้ำมันไว้ และใช้เครื่องมือเก็บคราบน้ำมัน  oil  skimmer เพื่อไม่ให้แพร่ขยายในวงกว้าง โดยมั่นใจว่าคราบน้ำมันดิบจะไม่พัดถึงชายฝั่งทะเลระยองอย่างแน่นอน

เขาระบุว่า หลังจากนี้ทางบริษัทเอกชนจะมีการสอบสวนและวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้อีกครั้ง พร้อมกับหามาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

ต่อมา บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ถึงเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วในทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร โดยระบุว่า

บริษัทขอแจ้งเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้บริหารทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) ได้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ด้วยการปิดวาล์วทันทีเพื่อไม่ให้มีการรั่วเพิ่มแล้ว บริษัทได้ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน จำนวน 4 ลำ พร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน จำนวน 35,000 ลิตร จากบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ SC Management จำนวน 1 ลำ ของ  PTTGC โดยเรือ Uniwise Rayong จำนวน 1 ลำ

นอกจากนี้ ยังใช้เรือสนับสนุน  SC Management จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือ RS20, RS32 และ RS33 เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกิริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ทุ่นกั้น (Boom) ความยาว 200 เมตร เพื่อจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมันเพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบน้ำมัน ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนับสนุนด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตระเวนเพื่อดูทิศทางคราบน้ำมันด้วย ขณะเดียวกันบริษัทได้ประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากล (Oil  Spill  Response) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำโดยทันที

จากปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันที่ ดำเนินอยู่ในขณะนี้ และที่ได้รับการสนับสนุน จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งจำนวนเรือและน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน บริษัทคาดว่า จะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทั้ง หมดภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง

สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันของ  PTTGC ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ

ช่วงสายวันเดียวกันนี้ ร.ต.อ.นพรุจ ณ รังษี ร้อยเวร สภ.เมืองชลบุรี รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกถังแก๊ส อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 60-8324 กรุงเทพฯ ของบริษัทเวิลด์แก๊ส พลิกคว่ำบนถนนสายบายพาสเลี่ยงเมืองชลบุรี ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ หมู่ 1 ต.บ้านสวน อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถคันดังกล่าวตะแคงข้างบนถนน โดยมีถังแก๊สกระจัดกระจายบนพื้นถนน สร้างความหวาดเสียวให้กับรถที่ผ่านไปมา เพราะเกรงว่าจะเกิดการระเบิด จึงได้ประสานงานกับรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองบ้านสวนเพื่อเตรียมความพร้อม โดยมีถังแก๊สขนาดต่างๆ รวมทั้งหมด 80 ถัง จึงได้รวบรวมและขนย้ายไปไว้บนไหล่ทาง

จากการสอบปากคำนายวิษณุ เสือวรสิงห์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/3 หมู่ 4 ต.ห้วยกะปิ อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี คนขับรถบรรทุกแก๊ส ได้ความว่า ขณะจะนำแก๊สจากเมืองชลบุรีไปส่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี ปรากฏว่าได้มีรถบรรทุกและรถเก๋งเบียดเข้ามาจึงหักหลบ แต่รถหนักจึงทำให้พลิกคว่ำดังกล่าว.

ที่มา -





ท่อส่งน้ำมันดิบรั่ว 5หมื่นลิตรลงทะเล

น้ำมันดิบกว่า 5 หมื่นลิตร ไหลลงทะเลชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด ขณะเรือบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันท่อส่งเกิดรั่ว ระดมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนขจัดคราบน้ำมันพร้อมส่งทีมตรวจสอบสภาพสิ่งแวดล้อม ขณะที่อธิบดีกรมเจ้าท่าเผยน้ำมันดิบลอยอยู่บนผิวน้ำกว้าง 5 ไมล์ บริษัทโรงกลั่นต้องรับผิดชอบความเสียหาย

ท่อส่งน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลกว่า 5 หมื่นลิตร เกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเรือบรรทุกน้ำมันกำลังถ่ายน้ำมันดิบผ่านทุ่นรับน้ำมันดิบมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว รั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กม.

ต่อมาเจ้าหน้าที่ของบริษัทพีทีทีได้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ปิดวาล์วเพื่อไม่ให้น้ำมันรั่วเพิ่มขึ้น  เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน 4 ลำ พร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน 35,000 ลิตร บริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ส่งเรือสนับสนุน 2 ลำ นอกจากนี้ ยังใช้เรืออีก 3 ลำเพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกิริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพและใช้ทุ่นกั้นความยาว 200 เมตรจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมันเพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบน้ำมัน

ขณะเดียวกันในส่วนของกองทัพเรือภาคที่ 1 ก็ได้สนับสนุนใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตระเวนเพื่อดูทิศทางคราบน้ำมันด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่บริษัทพีทีทีประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากลที่ประเทศสิงคโปร์ ขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำ เจ้าหน้าที่คาดว่าจะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันทั้งหมดภายในวันที่ 27 ก.ค. พร้อมจัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงตามชายฝั่ง

นายประทีป เอ่งฉ้วน ผู้อำนวยการสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง กล่าวว่ารับรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุบริเวณแท่นรับน้ำมันดิบของบริษัทพีทีที ห่างจากฝั่งท่าเรือมาบตาพุดประมาณ 10 ไมล์ทะเล ทำให้มีน้ำมันดิบไหลทะลักลงทะเลประมาณ 50,000 ลิตร เจ้าหน้าที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือ กนอ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำทุ่นกักน้ำมันไปล้อมบริเวณคราบน้ำมันที่ไหลลงทะเลได้แล้ว สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวน

นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่าเปิดเผยว่าขณะนี้ศูนย์ปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน ซึ่งมีหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกรมเจ้าท่า กองทัพเรือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนำเรือกว่า 10 ลำ ออกขจัดคราบน้ำมันที่รั่วบริเวณใกล้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยคาดว่ามีปริมาณน้ำมันที่รั่วลงทะเลประมาณ 50-70 ตัน ซึ่งคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิวน้ำมีความกว้างประมาณ 5 ไมล์ ยาว 1.5 ไมล์

"น้ำมันรั่วถือเป็นอุบัติเหตุ บริษัทเอกชนจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขจัดคราบน้ำมัน รวมทั้งหากเกิดผลกระทบด้านอื่นเช่น ปะการังตายจากคราบน้ำมันรั่ว เอกชนก็ต้องรับผิดชอบด้วย ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันปฏิบัติการ เพื่อให้สามารถขจัดคราบน้ำมันให้เร็วที่สุด" นายศรศักดิ์กล่าว

ที่มา -





"บิ๊กพีทีทีฯ-เจ้าท่า" แจงมาตรการขจัดคราบน้ำมันจากกรณีท่อรับรั่ว ยังห่วงซัดขึ้นชายฝั่ง

ความคืบหน้ากรณีท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ห่างจากฝั่ง 10 ไมล์ทะเล เกิดอุบัติเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลกว่า 70 ตัน เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 56

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 กรกฎาคม ที่ห้องประชุมบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง นายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมและสาธารณูปการ พร้อมด้วยนายปกรณ์ ประเสริฐวงษ์ หน.กลุ่มสิ่งแวดล้อมกรมเจ้าท่า ชี้แจงกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะเรือบรรทุกน้ำมันดิบกำลังถ่ายน้ำมันผ่านทุ่นรับน้ำมันดิบมายังโรงกลั่น  เกิดอุบัติเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 20 กม.ทำให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลประมาณ 50 ตันหรือ จำนวน 50,000 ลิตร เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.50 น.

นายพรเทพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าหลังเกิดเหตุได้ปิดวาล์วหยุดการส่งน้ำมันทันที และใช้เรือฉีดพ่นยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 4 ลำ พร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 35,000 ลิตร จากบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) จำนวน 2 ลำ พีทีทีโกลบอล 1 ลำ และเรือ สนับสนุน SC Management จำนวน 3 ลำ เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกิริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้บูมกั้นยาว 200 เมตร กำจัดวงการแพร่กระจายคราบน้ำมัน

"ส่วนทัพเรือภาคที่ 1 สนับสนุนใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตระเวณดูทิศทางคราบน้ำมัน คาดว่าคราบน้ำมันอาจจะไปขึ้นบริเวณชายหาดแม่รำพึง ต.ตะพง อ.เมืองระยองเป็นบางส่วน อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจบริเวณชายหาดดังกล่าว ด้านมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการรั่วซ้ำอีก จะต้องตรวจเช็คอุปกรณ์ที่เข้มงวดกว่านี้และอาจจะต้องเปลี่ยนท่อใช้งานให้เร็วขึ้นใน 1 ปีแต่เดิมใช้งานมา 2 ปี" นายพรเทพ กล่าว

ด้านนายปกรณ์ ประเสริฐวงษ์ หน.กลุ่มสิ่งแวดล้อมกรมเจ้าท่า กล่าวว่าวิธีการดำเนินการขจัดคราบน้ำมันโดยการใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันจะทำให้น้ำมันแตกตัวเป็นหยดขนาดเล็กกระจายลงไปในน้ำผ่านขบวนการย่อยสลายของแบคทีเรียในทะเลก่อนเป็นอาหารสัตว์ทะเล วิธีที่สองคือเก็บน้ำมันขึ้นมา แต่จะใช้วิธีไหนขึ้นอยู่สภาพคลื่นลม ช่วงที่เกิดน้ำมันรั่วเป็นช่วงที่มีคลื่นลมแรงความเร็วลม 18 น็อต การจะวางทุ่นเพื่อเก็บคราบน้ำมันทำไม่ได้ การใช้สารเคมีกระตุ้นให้น้ำมันแตกตัวเป็นวิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ สิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เราดูความลึกของระดับน้ำระหว่าง 22 - 25 เมตร อยู่ห่างจากฝั่ง 10 ไมล์ จึงมีความปลอดภัยสูง จึงตัดสินใจเร่งใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมัน ซึ่งจะกำจัดคราบน้ำมันได้รวดเร็ว

"สิ่งที่ห่วงถ้าคราบน้ำมันถูกลมซัดเข้าชายฝั่ง ความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมจะเกิดขึ้น ถ้าเราสกัดคราบน้ำมันไม่ให้ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งก็จะไม่เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ล่าสุดน้ำทะเลกำลังขึ้นถึงเวลาประมาณ 21.00น.วันเดียวกันจะทำให้คราบน้ำมันขยับเข้าใกล้ฝั่ง แต่เรามีระยะเวลามากพอที่จะกำจัดคราบน้ำมันให้หมด แต่ไม่กล้ารับรองร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจไปเจอคราบน้ำมันบนชายหาดได้" นายปกรณ์ กล่าว

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)  ออก แถลงการณ์ ฉบับที่  2 เหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วในทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร

ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่ว ที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring)  ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร  ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ซึ่งมีน้ำมันดิบรั่วออกมาประมาณ 50 ตันหรือ 50,000 ลิตร

บริษัท ฯ ขอแจ้งเพิ่มเติมว่า  หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้บริหารทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) ได้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ด้วยการปิดวาล์วทันทีเพื่อไม่ให้มีการรั่วเพิ่มแล้ว  บริษัทได้ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 4 ลำพร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน  35,000 ลิตร จาก บริษัท ไออาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ SC Management จำนวน 1 ลำ ของ PTTGC โดยเรือ Uniwise Rayong จำนวน 1 ลำ

นอกจากนี้ ยังใช้เรือสนับสนุน SC Management  จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือ RS20, RS32 และ RS33 เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ  และใช้ทุ่นกั้น (Boom) ความยาว 200 เมตรเพื่อจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมันเพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบน้ำมัน ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนับสนุนด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตะเวณเพื่อดูทิศทางคราบน้ำมันด้วย  ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากล (Oil Spill Response) ณ ประเทศสิงคโปร์  ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำโดยทันที


จากปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ และที่ได้รับการสนับสนุนจากนห่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งจำนวนเรือและน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทังหมดภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง

สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันของ PTTGC ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ

สำหรับ แถลงการณ์ฉบับแรก ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.50 น.วันที่ 27 กรกฎาคม ขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันกำลังขนถ่ายน้ำมันดิบผ่านทุ่นรับน้ำมันดิบมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ได้เกิดอุบัติเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่วบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring ) STP ที่อยู่ห่างจากฝั่งท่าเรือนิคมอุตาสาหกรรมมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร

แถลงการณ์ระบุต่อว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของบริษัท ซึ่งเป็นผู้บริหารทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) ได้ทำการปิดวาล์วหยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ทันที เพื่อไม่ให้มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มอีก พร้อมนำทุ่นกักน้ำมัน (Boom) กักคราบน้ำมันไว้และใช้เครื่องมือเก็บคราบน้ำมัน Oil Skimmer เก็บคราบน้ำมันขึ้นไปเก็บในภาชนะบนเรือ สำหรับจำนวนน้ำมันที่รั่วไหลอยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัด หลังจากทราบเหตุทางบริษัทได้แจ้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทันที คือ ทัพเรือภาคที่ 1 กรมเจ้าท่า การนิคมอุตสาหกรรมแหห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ทราบเบื้องต้น พร้อมเข้าร่วมปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 07.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค จ.ระยอง ว่า ท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน)ห่างจากฝั่งท่าประมาณ 10 ไมล์ทะเลหรือประมาณ 18 กม. ท่ามกลางกระแสคลื่นและลมแรงจัด ได้เกิดอุบัติเหตุท่อส่งน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่วทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลประมาณ 50 - 70 ตัน แพร่กระจายบนผิวน้ำเป็นบริเวณกว้าง ขณะนี้กองทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางไปดูที่เกิดเหตุพร้อมวางบูมล้อมบริเวณคราบน้ำมัน และฉีดน้ำยา ด้าน นายประทีป เอ่งฉ้วน ผอ.สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง กล่าวว่าเบื้องต้นได้รับรายงานเกิดอุบัติเหตุบริเวณแท่นรับน้ำมันดิบของ บริษัท ปตท.ห่างจากฝั่งท่าเรือมาบตาพุดประมาณ 10 ไมล์ทะเลท่อน้ำมันเกิดการรั่วไหล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำบูมไปล้อมบริเวณคราบน้ำมันที่รั่วไหลกลางทะเลแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดิบได้เรียบร้อยแล้ว

ที่มา -


mrtnews




ทร.ส่งกำลังขจัดคราบน้ำมันรั่วระยอง

ทร.ส่ง ฮ.และเรือรบอำนวยการ ขจัดคราบน้ำมัน 7 หมื่น ลิตรหน้าอ่าวมาบตาพุด

จากกรณี ได้เกิดอุบัติเหตุ คราบน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลอ่าวไทย ใกล้กับแท่นส่งน้ำมันของ บริษัท ปตท. ห่างจากฝั่งท่าเรือมาบตาพุด จังหวัดระยอง ประมาณ 20 กิโลเมตร ทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ท้องทะเลประมาณ 7  หมื่นลิตร  จึงได้ประสานมายังทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้า (27 ก.ค.56) ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ พลเรือโท รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ( ทรภ.1) ได้สั่งการให้ พลเรือตรี ทิวา ดาราเมือง เสนาธิการ ทรภ.1 และ ผอ.ศูนย์ขจัดคราบน้ำมัน ทรภ.1 และ นาวาเอก สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้อำนวยการ กองยุทธการฯ  จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ หน่วยบินเฉพาะกิจ ทัพเรือภาคที่ 1 ออกลาดตระเวน พร้อมกับประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

และจาการบินสำรวจคราบนำมันดังกล่าวพบว่า มีคราบน้ำมันกระจายออกจำนวนมากเป็นวงกว้างประมาณ  1000 เมตร  ยาวประมาณ  2,500 เมตร   โดยมีเจ้าหน้าที่ขจัดคราบน้ำมันของ  ไออาร์พีซี  ได้พยายามล้อมบริเวณคราบน้ำมันที่รั่วไหล และนำเรือ จำนวน 5 ลำ เร่งฉีดสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน ท่ามกลางกระแสคลื่นลมแรง เพื่อสกัดไม่ให้คราบน้ำมันเข้าสู่ฝั่งและกระจายออกไปในวงกว้าง ส่วนสาเหตุนั้นอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ

ที่มา -




พีทีทีโกลบอล แจงคุมคราบน้ำมันดิบรั่วได้แล้ว จ่อสลายให้หมดภายในวันนี้

ศูนย์ข่าวศรีราชา - "พีทีที โกลบอล" แจงสลายคราบน้ำมันจากเหตุท่อน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลใกล้นิคมมาบตาพุดจนขนาดเล็กลงแล้ว เหลือเพียงฟิล์มน้ำมันบางๆ เร่งพ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมันต่อ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า ไออาร์พีซีหนุนเรือช่วย เผยจะสลายให้หมดภายในวันนี้

วันนี้ (28 ก.ค. 56 ) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีท่อน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รั่วกลางทะเลใกล้ชายฝั่งมาบตาพุด จ.ระยอง ล่าสุด บริษัทได้ชี้แจงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัเมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม โดยมีน้ำมันดิบรั่วประมาณ 50,000 ลิตรนั้น

บริษัท ขอรายงานความคืบหน้าว่า เครื่องบินของกองทัพเรือได้บินลาดตระเวณบริเวณที่เกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 07.35 น. ของเช้าวันนี้ พบว่า ขณะนี้คราบน้ำมันได้มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนของน้ำมันดิบได้ถูกสลายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นฟิล์มน้ำมันบางๆ เท่านั้น

และขณะนี้บริษัทสามารถจำกัดบริเวณให้อยู่ในจุดที่สามารถควบคุมได้ ในขณะที่เรือพ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมันยังคงทำการพ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมันบนผิวน้ำต่อไป โดยมีเรือของบริษัท 5 ลำ และได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) อีก 5 ลำ

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก บริษัท ออยล์ สปิลเรสปอนส์ จำกัด ที่กำลังส่งเครื่องบินพร้อมผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันเดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ โดยมาถึงสนามบินอู่ตะเภา จ.ดระยอง เวลา 11.00 น. และจะประชุมสรุปสถานการณ์ หากมีความจำเป็นจะฉีดพ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมันให้หมดภายในวันนี้


อนึ่ง บริษัทได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อม และตั้งจุดตรวจสอบตามชายหาดไปจนถึงปลายหาดแม่รำพึง เพื่อติดตามตรวจสอบ และวิเคราะห์น้ำทะเล เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถขจัดคราบน้ำมันได้หมดโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล

สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมัน ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ ส่วนสาเหตุท่อรับน้ำมันดิบแตกรั่วนั้นจะต้องเอาท่อที่แตกมาวิเคราะห์หาสาเหตุ ตามปกติท่อดังกล่าวมีการตรวจสอบอยู่ตลอด ต้องมาวิเคราะห์ว่าเกิดจากโรงงานหรือไม่ การทดสอบพบข้อมูลอะไรหรือไม่ ทั้งนี้ต้องรอผลวิเคราะห์ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรแน่

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจบริเวณชายหาดแม่รำพึง ต.ตะพง อ.เมืองระยอง ยัง ไม่พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาดตลอดระยะทาง 12 กม.แต่อย่างใด ซึ่งกลุ่มชาวประมงและร้านค้าบริเวณชายหาดกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมามีกลิ่นน้ำมันโชยมาเหม็นมากตลอดทั้งวัน แต่วันนี้กลิ่นน้ำมันหายไปหมดแล้ว

ที่มา -




พบคราบน้ำมันบางส่วนลอยเข้าฝั่งเกาะเสม็ด

ระยอง - พบคราบน้ำมันบางส่วนกำลังลอยเข้าฝั่งเกาะเสม็ดด้านทิศตะวันตก บริเวณอ่าวพร้าว ห่างจากเกาะประมาณ 1 กม. คาดจะเข้าถึงหาดอ่าวพร้าวเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน นักวิชาการชี้คราบน้ำมันที่ใช้น้ำยาเคมีสลายเกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมแน่นอน

เวลา 15.00 น. วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 1 พบว่าคราบน้ำมันจากกรณีที่เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว รั่วบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมัน เมื่อเวลา 06.50 น. วานนี้ (27 ก.ค.) จนทำให้มีน้ำมันดิบรั่วออกมาประมาณ 50,000 ลิตร ขณะนี้มีบางส่วนกำลังลอยเข้าฝั่งเกาะเสม็ดหมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ด้านทิศตะวันตกบริเวณอ่าวพร้าว ห่างจากเกาะประมาณ 1 กิโลเมตร คาดว่าคราบน้ำมันจะเข้าถึงหาดทรายอ่าวพร้าว เวลา 18.00 น. ของวันนี้

โดยจากการติดตามของเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบคราบน้ำมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 500 เมตร กระจายเป็นกลุ่มมีลักษณะคราบน้ำมันสีดำ มีความหนืดเป็นแผ่นหนา ขณะเดียวกัน การติดตามกลุ่มคราบน้ำมันของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด และหน่วยงานี่เกี่ยวข้องรวม 9 ลำ ก็ได้เร่งช่วยกันติดตาม และกำจัดคราบน้ำมัน โดยการฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันตลอดทั้งวัน

ด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก โดยนางรัตนา มั่นประสิทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ กล่าวว่า ทางศูนย์ได้นำเรือออกไปเก็บคุณภาพน้ำทะเล และสังเกตคุณภาพของสัตว์น้ำ แต่ยังไม่พบสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบ หรือลอยตาย พร้อมทั้งประสานชาวประมงพื้นบ้านตลอดแนวชายฝั่ง จ.ระยอง ให้ช่วยกันเฝ้าสังเกตการณ์ทั้งในเรื่องของคราบน้ำมัน และสัตว์น้ำที่จะได้รับผลกระทบบริเวณชายฝั่ง และแหล่งประมง

นางรัตนา เผยอีกว่า เกี่ยวกับกรณีการใช้น้ำยาขจัดคราบน้ำมันให้แตกเป็นเม็ดเล็กจมลงทะเล กลายเป็นอาหารสัตว์ทะเลนั้น ทางศูนย์วิจัยยังไม่ทราบรายละเอียดของน้ำยาที่ใช้สลายคราบน้ำมัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นอาหารสัตว์น้ำ เพราะเป็นน้ำยาเคมี ซึ่งอาจทำให้เกิดการจับตัวของคราบน้ำมันแล้วตกตะกอนจมลงสู่ก้นทะเล ไปจับกับสิ่งที่มีชีวิตที่เกาะติดอยู่กับที่ เช่นปะการัง หอย ซึ่งจะต้องเกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำ และสิ่งแวดล้อมแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ต้องดูข้อมูลเรื่องน้ำยาเคมีที่ใช้ก่อนว่าเป็นตัวไหน และมีคุณสมบัติอย่างไร ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้เต็มที่ แต่ถ้าจะให้ไปเป็นอาหารปลาคงไม่ไช่แน่นอน

ที่มา -