ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

AMA ซื้อเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีลำใหม่ 449.18 ลบ.ส่งผลมีกองเรือเพิ่มเป็น 9 ลำ

เริ่มโดย mrtnews, ก.พ 15, 17, 06:20:21 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 - บมจ.อาม่า มารีน (AMA) แจ้งการซื้อเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีลำใหม่ มูลค่า 12.75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 449.18 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ โดยจะรับมอบเรือลำใหม่ดังกล่าวในวันนี้ (10 ก.พ.)


สำหรับเรือลำดังกล่าว มีน้ำหนักบรรทุก 12,999 เดทเวทตัน สร้างเมื่อปี 2552 โดยมีอายุการใช้งานคงเหลือประมาณ 22 ปี  โดยภายหลังการรับมอบเรือดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีจำนวนเรือเพิ่มขึ้นเป็น 9 ลำจากเดิม 8 ลำ และมีน้ำหนักบรรทุกรวมเพิ่มขึ้นเป็น 59,660 เดทเวทตัน จาก 46,661 เดทเวทตัน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำเรือไปให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เป็นต้น และภูมิภาคเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ปากีสถานี ศรีลังกา และบังคลาเทศ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มขึ้น



ที่มา Data & Images -




AMA เร่งปิดดีลซื้อเรือ แย้มสนลงทุนโลจิสติกส์

AMA เล็งปิดดีลซื้อเรือลำที่ 2 ไม่เกินไตรมาส 2/60 คาดให้บริการราวเมษายน ดันกำลังการผลิตสิ้นปี 60 แตะ 7.2 หมื่นตัน จากปัจจุบันที่ 4.6 หมื่นตัน บิ๊กบอส "พิศาล รัชกิจประการ" ปักธงรายได้ปีนี้โต 50% เชื่อแนวโน้มขนส่งไปได้สวย แย้มแผนสนลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ ฟากโบรก..


นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีนจำกัด (มหาชน) หรือ AMA ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ และเรือ ทั้งใน และต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาซื้อเรือขนส่งสินค้าไปแล้ว 1 ลำ กำลังการผลิต 13,000 ตันในวันจันทร์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเริ่มให้บริการเรือดังกล่าวได้ภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อจะเข้าซื้อเรือลำที่ 2 กำลังการผลิต 13,000 ตัน คาดจะสรุปและเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าได้ไม่เกินไตรมาส 2/2560 หรือภายในเดือนมีนาคม หรือเมษายนนี้

เร่งปิดดีลซื้อเรือลำที่ 2

หากเป็นไปตามแผนบริษัทคาดกำลังการผลิตจากเรือทั้ง 2 ลำ จะเพิ่มขึ้นอีก 26,000 ตัน หรือมีกำลังการผลิตรวมสิ้นปี 2560 ที่ 72,600 ตัน จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 46,661 ตัน

"แผนปีนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราเคบประกาศไว้มากนัก เรายังเดินหน้าซื้อเรือเพิ่มอีก 2 ลำ ซึ่งเราได้เซ็นสัญญาซื้อเรือลำที่ 1 ไปแล้วในวันจันทร์ที่ผ่านมา กำลังการผลิต 13,000 ตัน คาดว่าจะเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าได้ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนเรือลำที่ 2 คาดว่าสรุปและเซ็นสัญญาซื้อเรือได้ พร้อมกับให้บริการภายในเดือนมีนาคมหรือเมษายน"นายพิศาล กล่าว

อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินทิศการดำเนินธุรกิจในปี 2560 มีโอกาสที่บริษัทจะเพิ่มจำนวนเรือ หรือรถขนส่งสินค้าให้มากกว่าเป้าหมาย ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนงานขนส่งที่จะเข้ามามากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทจะเพิ่มจำนวรถขนส่งสินค้าประเภทของเหลวที่ 70 คัน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ 50 คัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอ TOR ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG หาก PTG เปิดประมูลรถขนส่งของเหลว บริษัทก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูล

รับงานขนน้ำมัน B100

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าผระมูลงานขนส่งน้ำมัน B100 จากบริษัทขนส่งอื่นๆ ในย่านอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คาดจะเริ่มประมูลและให้บริการได้ประมาณไตรมาส 4/2560 ขณะที่ในปี 2560 บริษัทคาดรายได้จะเติบโต 50% จากปี 2559 เนื่องจากบริษัทมีการซื้อเรือเพิ่มขึ้นอีก 2 ลำ ในช่วงไตรมาส 1/2560 และคาดจะสามารถให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2/2560 ทำให้กองเรือทั้งหมดของบริษัทจะมีปริมาณการบรรทุกน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันบริษัทมีกองเรือที่ 8 ลำ ที่มีปริมาณการบรรทุกน้ำหนักทั้งหมด 46,660 ตัน

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าเหลวทั้งทางรถและทางเรือ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามความต้องการขนส่งน้ำมันภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มทั้งในอินเดีย จีน  เมียนมา และ วียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น

สนลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

นายพิศาล กล่าวต่อว่า นอกจากการลงทุนในการขนส่งทางรถ และขนส่งทางเรือแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์เพิ่มเติมด้วย ตามที่เคยแจ้งในหนังสือชี้ชวนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)โดยมองทุก ๆ รูปแบบ อาทิ ทางรถ ทางเรือ ทางอากาศ และคลังสินค้า

นายพิศาล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ภาพรวมการขนส่งในปี 2560 การขนส่งทางเรือนั้นยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืช ในประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา จีน และอินเดีย ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการใช้รถขนส่งนั้น เชื่อว่ายังจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นหรือลง ความต้องการใช้ก็ยังขยายตัว ซึ่งบริษัทก็ได้ร่วมมือกับทาง PTG ถึงแผนการขยายด้วย



ที่มา Data & Images -