ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา สินค้าที่ดูแล้วขัดต่อ ศีลธรรม ประเพณี หรือกฏหมายของไทย เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - mrtnews

#31
Facebook ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม แจ้งเหตุการณ์เรือสัญชาติไทยประสบอุบัติเหตุอับปางและลูกเรือไทยได้รับการช่วยเหลือโดยท่าเรือฮาติ๋งนอกฝั่งภาคเหนือของเวียดนาม โดยมีรายละเอียดดังนี้


เช้าวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 เรือบรรทุกสินค้าชื่อ Nordana Sophie สัญชาติไทยของบริษัทจุฑานาวี ได้จอดทอดสมอรอเข้าเทียบท่าเรือฮาติ๋งในขณะคลื่นลมแรง ทำให้สมอเรือไปเกาะติดโขดหินพัดตัวเรือกระแทกกับโขดหินได้รับความเสียหายและน้ำเข้าเรือ จึงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ท่าเรือเมืองฮาติ๋งของเวียดนามได้ออกไปช่วยเหลือนำลูกเรือ 13 คน โดยยังเหลือกัปตันและลูกเรือรวม 5 คนอยู่ดูแลเรือ ต่อมาเวลาประมาณ 12.30-13.30 น. เรือเริ่มเอียงและล่มลงในที่สุด โดยลูกเรือที่เหลือต้องสละเรือและได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจนปลอดภัยทั้งหมด และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอยและนางสาวเกตุ วัชระ หัวหน้าฝ่ายกงสุล ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเพิ่มเติมจากลูกเรือทราบว่า ทุกคนปลอดภัย มีขวัญกำลังใจดี เป็นการเดินเรือขนส่งสินค้ามาจากฮ่องกงเพี่อรับสินค้าสปริงเหล็กที่ท่าเรือเมืองฮาติ๋ง และกำลังประสานงานกับบริษัทเจ้าของเรือและบริษัทประกันภัยเรือ เพื่อร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามในการพิจารณาขั้นตอนการเก็บกู้เรือเมื่อคลื่นลมสงบต่อไป


สถานเอกอัครราชทูตขอขอบคุณหน่วยยามฝั่ง กระทรวงกลาโหมเวียดนาม ท่าเรือและจังหวัดห่าติ๋งและเจ้าหน้าที่หน่วยงานเวียดนามที่ให้ความช่วยเหลือลูกเรือไทยอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพและปลอดภัย สถานเอกอัครราชทูตฯ จะประสานงานการช่วยเหลือต่อไป

สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอขอบคุณส่านักงานผู้ช่วยทูตทหารเรือประจำสถานเอกอัครราชทูตฯ และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือที่ช่วยประสานข้อมูลและรูปภาพด้วย



ที่มา Data & Images -







..
#32
ส่งออกไทยอ่วมซ้ำ สายการเดินเรือจ่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน หลังองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ-IMO ประกาศมาตรฐานใหม่ลดการใช้ซัลเฟอร์ จาก 3.5% เหลือ 0.5% บังคับใช้ 1 ม.ค. 63 ผู้ส่งออกหวั่นสูตรคำนวณไม่เป็นธรรม กระทบต้นทุนส่งออกพุ่ง เตรียมปรับเป้าหมายปี 62-63 ใหม่


นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหารสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) เตรียมประกาศใช้มาตรการลดการบังคับให้เรือทุกลำต้องใช้เชื้อเพลิงที่ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไม่เกิน 0.5% จากเดิมที่กำหนดไว้ระดับ 3.5% เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2563 จะส่งผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากประกาศ Low Sulphur Regulation 2020 ของ International Maritime Organization (IMO) ส่งผลให้สายเรือประกาศเรียกเก็บ low sulphur surcharge (LSS) เพิ่มเติมจากค่าระวางเรือ (ค่า freight) และ bunker surcharge ที่เคยเรียกเก็บอยู่เดิม โดยกำหนดใช้ชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละสายเรือ รวมทั้งกำหนดอัตราการเรียกเก็บต่างกันด้วย ขึ้นอยู่กับสูตรการคำนวณที่แต่ละสายเรือกำหนด ซึ่งไม่ได้เป็นมาตรฐานกลาง ส่งผลให้ทางสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และกลุ่ม Shippers' Council ทั่วโลก มีความกังวลว่าอัตราเรียกเก็บและสูตรการคำนวณดังกล่าวจะมีความถูกต้อง และโปร่งใสเพียงพอหรือไม่

สำหรับชื่อค่าธรรมเนียมแต่ละสายการเดินเรือ กำหนดออกมาแล้ว เช่น บริษัท Zim Line ใช้ชื่อ New Bunker Factor (NBF), บริษัท Hapaq-Lloyd ใช้ชื่อ Marine Fuel Rocovery (MFR) สายเรือ ONE ใช้ชื่อ ONE Bunker Surcharge (OBS) และบริษัท Wan Hai ใช้ชื่อ Wan Hai Bunker Surcharge (WBS) เป็นต้น ซึ่งหากเปรียบเทียบใน 4 เส้นทางหลัก คือ เอเชีย สหภาพยุโรป ตะวันออกลาง และสหรัฐ สำหรับตู้คอนเทนเนอร์แบบแห้ง ขนาด 20 ฟุต และ 40 ฟุต พบว่าค่า bunker surcharge มีตั้งแต่ 9 เหรียญสหรัฐ ไปจนถึง 746 เหรียญสหรัฐ ส่วนค่า LSS มีตั้งแต่ 15 เหรียญ ไปจนถึง 382 เหรียญสหรัฐ และหากเป็นตู้คอนเทนเนอร์แบบแช่เย็น ขนาด 20 ฟุต และ 40 ฟุต มีค่า bunker surcharge ตั้งแต่ 12 ไปจนถึง 822 เหรียญสหรัฐ เทียบกับค่า LSS มีตั้งแต่ 42 เหรียญ ไปจนถึง 573 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะแตกต่างกันตามขนาดของเรือ,ปริมาณตู้ และสูตรการคำนวณของแต่ละสายการเดินเรือ

"การรวมการเรียกเก็บไปในค่าบังเกอร์เซอร์ชาร์จที่เก็บปกติ ทำให้อัตราการเรียกค่าน้ำมันประเภทนี้มีราคาสูง เมื่อเทียบกับการเรียกเก็บแยกเฉพาะค่า low sulphur surcharge (LSS) ซึ่งเป็นค่าเซอร์ชาร์จที่เพิ่มเติมแยกออกมาต่างหากจากค่าระวางเรือ (ค่า freight) เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมนี้กับค่าเฟรดแต่ละเส้นทาง ในตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุต และ 40 ฟุต อัตราเฉลี่ยค่า LSS ต่อค่าเฟรด เพิ่มตั้งแต่ 2.86% ถึง 93.34% เส้นทางเอเชีย ในบริเวณพอร์ตปูซานสูงสุด 93.34% สำหรับตู้คอนเทนเนอร์แบบแห้งส่วนตู้คอนเทนเนอร์แบบเย็น มีค่า LSS คิดเป็น 1.34-15%เส้นทางเอเชีย พอร์ตฮ่องกงสูงสุดที่ 15%"

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทย เพราะไทยส่งออกโดยทางเรือ ประมาณ 80% โดยในปี 2561 ส่งออกทางน้ำปริมาณ 312,746 พันตัน

"ปีหน้าเหนื่อย การส่งออกที่ยังต้องแข่งขันลำบาก เพื่อนบ้านแซง มีมาตรการเซอร์ชารจเพิ่มขึ้น ต้นทุนขนส่งสูงขึ้น 2-93% ขึ้นอยู่กับว่าจะส่งไปรูตไหน แต่ไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นทั้งจากค่าบาท สงครามการค้า และความไม่แน่นอนในตลาดโลก ซึ่งทางสภาผู้ส่งออกจะทบทวนเป้าส่งออกี 2562 และแนวโน้ม 2563 จากเดิมจะติดลบ 1.5% ปีหน้าเราวางไว้ว่าจะขยายตัว 0-1%"


นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด ผู้ส่งออกข้าวอันดับต้นของไทย เปิดเผยว่า หากมีการปรับค่าธรรมเนียมจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งข้าวที่ใช้เรือเป็นหลัก

สอดคล้องกับ นายวิชิต อะนะเทพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัทยาฟู้ดอินดัสตรี จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกอาหารแบรนด์นอติลุส ซีคราวน์ มงกุฎทะเล และลิลลี่ เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรณีการปรับค่าธรรมเนียมขนส่งทางเรือส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งแน่นอน โดยปัจจุบันต้นทุนค่าขนส่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12% ในปัจจุบัน บริษัทจึงได้ปรับวิธีการบริหารการขนส่งใหม่ โดยนำวอลุ่มการขนส่งทั้งปีคุยกับฟอร์เวิร์ดเดอร์เพื่อเป็นพันธมิตรระยะยาว จากเดิมที่ส่งออกเป็นครั้ง ๆ

"ทั้งปัจจัยค่าเงินสงครามการค้าและต้นทุนทางโลจิสติกส์ยังคงมีผลต่อตลาดส่งออก แต่ทั้งหมดเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงหวังว่าภาพรวมการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารไทยในปี 2563 จะขยายตัวเป็นบวกได้ จากความต้องการอาหารในตลาดโลก โดยพัทยาฟู้ดฯเองได้เตรียมเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีแวลูมากขึ้นในการขยายตลาด โดยตั้งเป้าเติบโต 9% ในด้านจำนวนการส่งออก ขณะที่มูลค่าคาดว่าเติบโต 9-10% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท ปัจจุบัน 80% ของรายได้มาจากการส่งออก"



ที่มา Data & Images -





..
#33
ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือชั้นนำในประเทศไทย เปิดศูนย์บริการผู้เยี่ยมชมแห่งใหม่ (Visitors Centre) ในท่าเรือแหลมฉบัง ตอกย้ำสถานะการเป็นท่าเรือเกต์เวย์หลักของประเทศไทย ที่กำลังเติบโตสู่ศูนย์กลางด้านการขนส่งของโลก พร้อมช่วยยกระดับท่าเทียบเรือชุด D สู่ท่าเทียบเรือระดับแฟลกชิป (Flagship) ของฮัทชิสัน พอร์ท ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยศูนย์บริการผู้เยี่ยมชมแห่งใหม่นี้ จะสาธิตศักยภาพการทำงานของเทคโนโลยีระดับโลกของฮัทชิสัน พอร์ท ท่ามกลางพื้นที่การปฏิบัติงานจริง ณ บริเวณท่าเทียบเรือชุด D


ท่าเทียบเรือชุด D ณ ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเทียบเรือระดับแฟลกชิป (Flagship) ทางด้านเทคโนโลยีท่าเรือของ ฮัทชิสัน พอร์ท ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากปัจจัยเชิงบวกด้านสถานที่ตั้งที่อยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก และประเทศอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก ทั้งนี้ ท่าเรือแหลมฉบังยังนับเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตและพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไทยภายใต้ นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศผ่านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

มร. สตีเฟ่น แอชเวิร์ธ กรรมการผู้จัดการ ฮัทชิสัน พอร์ท ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "ศูนย์บริการผู้เยี่ยมชมแห่งใหม่ที่ท่าเทียบเรือชุด D แสดงให้เห็นการลงทุนครั้งสำคัญของฮัทชิสัน ในการพัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ยกระดับให้ท่าเทียบเรือชุด D กลายเป็นหนึ่งในท่าบริการตู้สินค้าที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค ที่มีศักยภาพรองรับบรรดาเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันได้"

นอกจากนี้ ศูนย์แห่งนี้ยังสาธิตกระบวนการทำงานของเทคโนโลยีควบคุมระบบปฏิบัติงานจากระยะไกล (Remote Control Technology) ระดับโลกภายในท่า รวมถึงแสดงบริการติดตามสถานะตู้สินค้าแบบออนไลน์ และแอพพลิเคชั่น ubi บนสมาร์ทโฟนสำหรับลูกค้าและผู้ใช้งานท่าเทียบเรือ


ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย กำลังวางแผนนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่ท่าเทียบเรือชุด D อันได้แก่ โครงการเครือข่ายการขนส่งระดับโลก (Global Shipping Business Network หรือ GSBN) โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสายเดินเรือต่างๆ และผู้ใช้งานท่าเรือ เทคโนโลยีรถบรรทุกไร้คนขับ (Autonomous Truck) ที่จะทำมาใช้ทั้งบริเวณหน้าท่าและลานในท่า และเทคโนโลยีประตูอัตโนมัติ (Gate Automation) ที่ประตูทางเข้า และออกท่า เพื่อระบุตัวตนของรถได้จากระยะไกล

มร. แอชเวิร์ธ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เทคโนโลยีของเราสอดคล้องกับแผนของการท่าเรือแห่งประเทศไทยในการผลักดันให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็น 'ท่าเรืออัจฉริยะ' หรือ Smart Port เราภูมิใจที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะต่อยอดสู่การพัฒนาอนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทย"

ศูนย์บริการผู้เยี่ยมชมแห่งใหม่ ตั้งอยู่ในบริเวณท่าเทียบเรือชุด D โดยจะสาธิตการทำงานของเทคโนโลยีอัจฉริยะทั้งหมด และศูนย์แห่งนี้จะยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการฝึกพนักงานของฮัทชิสัน พอร์ทจากทั่วโลกอีกด้วย



ที่มา Data & Images -





..
#34
เอเอฟพี - ตำรวจในสเปน เข้ายึดเรือดำน้ำขนาดเล็กลำหนึ่งนอกชายฝั่งแคว้นกาลิเซีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ หลังมันถูกขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบขนโคเคนกว่า 3 ตันมาจากอเมริกาใต้ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันจันทร์(25 พ.ย.)


โฆษกตัวแทนของรัฐบาลกลางในกาลิเซียเปิดเผยว่าชายชาวเอกวาดอร์ 2 คนถูกจับกุมในปฏิบัติการนอกชายฝั่งเมืองกันกัส ใกล้ชายแดนโปรตุเกส เมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.)ที่ผ่านมา "นักประดาน้ำคนหนึ่งเข้าไปในเรือดำน้ำในวันจันทร์ และเอาโคเคนที่มัดเป็นห่อๆออกมา"

ทางโฆษกเผยว่าในวันจันทร์ (23พ.ย.) ตำรวจยังอยู่ระหว่างพยายามหาทางทำให้เรือลอยขึ้นมา และจะไม่สามารถสรุปถึงจำนวนยาเสพติดทั้งหมดบนเรือจนกว่าจะดำเนินการสำเร็จ

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสืบสวนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่าดูเหมือนเรือดำน้ำ "กำลังลำเลียงโคเคนหลายตัน แต่มันเป็นเพียงแค่การคาดเดา" ส่วนสื่อมวลชนสเปนพากันรายงานว่าเรือลำนี้บนนทุกโคเคนมากกว่า 3 ตันมาจากโคลอมเบีย

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสืบสวนอีกคนระบุเพียงว่าเรือดำน้ำลำนี้ มีความยาว 20 เมตรและมาจากแถบอเมริกาใต้ แต่ไม่เจาะจงว่ามันออกเดินทางมาจากไหน "นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เราไม่ได้เห็นมันทุกๆวันในยุโรป"

ก่อนหน้านี้พวกลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะจากโคลอมเบีย เคยถูกจับได้ขณะกำลังใช้เรือดำน้ำลักลอบขนยาเสพติดจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา


เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ขึ้นไม่กี่เดือน หลังจากในเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ไล่ล่าจับกุมแก๊งอาชญากรที่ใช้เรือดำน้ำแบบเดียวกันลอบขนยาเสพติดผ่านน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก โดยหนนั้นยึดของกลางเป็นโคเคนน้ำหนัก 7,257 กิโลกรัม และกัญชาอีก 423 กิโลกรัม

วิลเดอร์ อเลฮันโดร ซานเชซ นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมจากศูนย์ความมั่นคงทางทะเลระหว่างประเทศ(CIMSEC) สถาบันวิจัยสหรัฐฯ บอกว่าบ่อยครั้งที่เหล่าแก๊งค้ายาใช้เงินฟาดหัวพวกวิศวกรหัวเงินทั้งหลายให้ออกแบบและสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็กให้

อย่างไรก็ตาม เรือส่วนใหญ่นั้นเป็นเพียงเรือกึ่งดำน้ำ โดยบางส่วนของเรือนั้นยังโผล่พ้นผิวน้ำ ไม่สามารถดำลงไปทั้งลำเหมือนกับเรือดำน้ำขนาดใหญ่ แต่ก็มีบ้างที่สามารถดำลงไปใต้ทะเลราวๆ 30 เมตร วิลเดอร์ อเลฮันโดร ซานเชซ ระบุ "พวกมันเริ่มมีความทันสมัยและครบวงจรมากขึ้นเรื่อยๆ



ที่มา Data & Images -







..
#35
เรือบรรทุกแกะ 14,600 ตัว ล่มหลังจากออกจากท่าเรือในโรมาเนีย มุ่งหน้าสู่ซาอุดีอาระเบีย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สามารถช่วยแกะได้เพียง 32 ตัว


เรือควีนไฮนด์ (QUEEN HIND) เรือบรรทุกสินค้าที่บรรทุกแกะจำนวน 14,600 ตัว ประสบอุบัติเหตุล่มลงในทะเลดำ หลังจากออกจากท่าเรือในโรมาเนีย เพื่อมุ่งหน้าสู่ซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวฝั่งของโรมาเนียสามารถช่วยชีวิตลูกเรือลำดังกล่าวประกอบไปด้วยลูกเรือชาวซีเรีย 20 คน ชาวเลบานอน 1 คน และแกะอีกได้เพียง 32 ตัวเท่านั้น

แอนา มาเรีย สตอยกา โฆษกของทีมกู้ภัย กล่าวว่า '"การกู้ภัยกำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ และเธอหวังว่าแกะที่ติดอยู่ในเรือยังมีชีวิตอยู่"

ทางด้านสมาคมผู้เพาะพันธุ์และส่งออกปศุสัตว์ของโรมาเนียเรียกร้องให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นโศกนาฏกรรมของการส่งออกปศุสัตว์ของโรมาเนีย นอกจากนี้ยังกล่าวว่า "หากไม่สามารถที่ป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งปศุสัตว์ในระยะไกลได้ พวกเราควรยับยั้งการส่งออกทั้งหมด"


ขณะที่ NGO ด้านคุ้มครองสัตว์สากล ออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนเรื่องนี้อย่างเปิดเผยและเร่งด่วน โดยระบุว่า เรือลำดังกล่าวมีการบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราที่กำหนด และเครื่องยนต์ของเรือลำดังกล่าวนั้นมีปัญหามาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว

โรมาเนียเป็นประเทศผู้ส่งออกแกะเป็นอันดับต้นๆ ไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นผู้เพาะพันธุ์แกะได้มากเป็นอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป รองจากอังกฤษและสเปน



ที่มา Data & Images -







..
#36
สำนักข่าวซินหวา เวลา 01:30 น. ของวันที่ 23 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น เรือตัดน้ำแข็งขั้วโลก"เสวี่ยหลง 2"ของจีน ได้เสร็จสิ้นภารกิจการตัดน้ำแข็งบริเวณช่องทางเดินเรือสถานีจงซาน  โดยใช้วิธีการตัดน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องและกระแทกน้ำแข็ง จนทำให้ช่องทางเดินเรือยาว 14 ไมล์ทะเล (ประมาณ 26 กิโลเมตร) ให้เรือ "เสวี่ยหลง" ดำเนินการโหลดสินค้าได้


เรือ "เสวี่ยหลง" แล่นตามช่องทางเดินเรือดังกล่าว ถึงน่านน้ำบริเวณใกล้สถานีจงซานในขั้วโลกใต้ ต่อมามีการขนส่งสินค้าโดยใช้สโนว์โมบิลและเฮลิคอปเตอร์ ได้เริ่มดำเนินการพร้อมกัน

เรือตัดน้ำแข็ง "เสวี่ยหลง 2" ทำภารกิจในครั้งนี้เสร็จสิ้นภายในเวลา 3 วัน และก็เป็นการเดินทางในขั้วโลกใต้ครั้งแรกของ เรือตัดน้ำแข็ง "เสวี่ยหลง 2" อีกด้วย

ต่อมาวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา  เรือตัดน้ำแข็งเพื่อการสำรวจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในขั้วโลกที่จีนผลิตเองเป็นลำแรกในชื่อ "เสวี่ยหลง(มังกรหิมะ)หมายเลข 2" ได้ประสบความสำเร็จในการทดลองตัดน้ำแข็งที่ส่วนหัวเรือและหางเรือเป็นครั้งแรก


วันเดียวกัน  เวลา 16.52 น. ตามเวลาปักกิ่ง  เรือตัดน้ำแข็งลำนี้ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมงดำเนินการทดลองดังกล่าวในน่านน้ำอ่าวไพรดซ์ (prydz bay) ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีสำรวจขั้วโลกใต้จงซานของจีน  เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานตามการออกแบบ  และช่วยให้ผู้ขับเรือฝึกความชำนาญในการใช้งานคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ของเรือลำนี้

ทั้งนี้ ตามมาตรฐานการออกแบบ  เรือตัดน้ำแข็ง "เสวี่ยหลง 2" สามารถตัดน้ำแข็งในสภาพที่น้ำแข็งมีความหนาถึง 1.5 เมตรบวกกับมีหิมะด้านบนหนาอีก 0.2 เมตร  ด้วยความเร็ว 2-3 ขั้น (ขั้นหนึ่งประมาณ 1.852 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)



ที่มา Data & Images -







..
#37
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นบนเรือประมงอวนล้อมจับปลาทูน่า (Tuna Purse Seine) ชื่อ Maria Veronica ความยาว 71 เมตร กว้าง 13 เมตร ขณะจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือเมืองมันซานีโย (Manzanillo) ประเทศเม็กซิโก เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางออกไปจับปลา


เพลิงไหม้ได้ลุกลามแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้บนดาดฟ้าเรือท่วมท้นไปด้วยเปลวไฟและกลุ่มควันดำหนาทึบที่เป็นควันพิษล่องลอยออกมาจากเรือเป็นจำนวนมาก

มีการอพยพคนประมาณ 1200 คนที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานท่าเรือออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ

เรือประมงอวนทูน่า Maria Veronica ได้เอียงล่มและจมลงทางด้านกราบซ้ายของเรือที่หน้าท่าเทียบจอดเรือในระหว่างการดับเพลิง สาเหตุที่เกิดไฟไหม้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากงานเชื่อมโลหะภายในเรือ


เรือประมงอวนล้อมจับปลาทูน่า (Tuna Purse Seine) ชื่อ Maria Veronica รหัสหมายเลข IMO คือ 8030075 ขนาด 1,683 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1983 จดทะเบียนชักธง Mexico




ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by







..
#38
เกิดเพลิงไหม้บนเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำทำให้มีลูกเรือ 9 คนบาดเจ็บที่ท่าเรือเมืองอุลซานทางใต้ของเกาหลีใต้ แต่ควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองอุลซานประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ว่า สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า เกิดระเบิดและไฟไหม้ขึ้นบนเรือบรรทุกน้ำมัน Stolt Groenland "สโตลท์ โกรนแลนด์" ขนาด 25,000 ตัน ติดธงหมู่เกาะเคย์แมนที่ท่าเรือเมืองอุลซานทางตอนใต้ของเกาหลีใต้เมื่อเวลาประมาณ 10.50 น.เช้าวันเสาร์ที่ 28 ก.ย.

หน่วยยามฝั่งของเกาหลีใต้ระบุด้วยว่า ขณะเกิดเหตุมีลูกเรือ 25 คนบนเรือ ซึ่งก็มีทั้งชาวรัสเซียและฟิลิปปินส์รวมอยู่ด้วย จากนั้นเพลิงได้ลุกลามไปยังเรือบรรทุกน้ำมันอีกลำหนึ่งชื่อ Bow Dalian ที่จอดอยู่ใกล้กัน อย่างไรก็ตาม ลูกเรือทั้ง 25 คนของเรือสโตลท์ โกรนแลนด์กับอีก 21 คนของเรือบรรทุกน้ำมันอีกลำหนึ่งนั้น ได้รับการช่วยเหลือออกมาหมดแล้ว แต่ก็มีผู้บาดเจ็บ 9 คน ซึ่งก็มี 1 รายอาการสาหัส ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้ว่า เป็นลูกเรือของเรือลำไหนบ้าง

หน่วยยามฝั่งของเกาหลีใต้ได้เข้ามาสอบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมัน ซึ่งก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว ตำรวจต้องปิดเส้นทางจราจรโดยรอบเพราะเกรงว่าจะมีการระเบิดตามมาอีก



ที่มา Data & Images -




สุดสะพรึง ระเบิดไฟลุกท่วมเรือน้ำมันที่ท่าเรือเกาหลีใต้ เจ็บ 18 คน

เกิดเหตุระเบิดบนเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งที่จอดอยู่ที่ท่าเรือของเกาหลีใต้ ก่อนที่ไฟจะลามไปยังเรืออีกลำ จนต้องอพยพลูกเรือทั้งหมด ล่าสุดพบผู้บาดเจ็บแล้ว 18 ราย


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดบนเรือบรรทุกน้ำมันติดธงหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือในในเมืองอุลซัน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ก.ย. 2562 ลูกเรือรวม 25 คนทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติได้รับความช่วยเหลือ ไฟยังลามอย่างรวดเร็วไปยังเรือบรรทุกน้ำมันอีกลำที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้ลูกเรือ 21 คนบนเรือลำนี้ต้องอพยพด้วย

ภาพจากที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นเปลวไปลุกโชนและควันดำหนาทึบพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาในการควบคุมไฟ โดยต้องฉีดน้ำขึ้นดาดฟ้าเรือจากเรือข้างเคียง ขณะที่หน่วยยามฝั่งของเกาหลีใต้ระบุว่า กำลังมีการสืบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเผยด้วยว่า เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บรวมอย่างน้อย 18 ราย โดยหนึ่งในนี้มีอาการอยู่ในขั้นวิกฤติถูกไฟไหม้ระดับ 3 โดยผู้บาดเจ็บ 9 รายเป็นชาวเกาหลีใต้ส่วนที่เหลือยังไม่ทราบสัญชาติ



ที่มา Data & Images -









..
#39
เมืองคานส์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นท่าจอดเรือสำราญที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของฝรั่งเศส จะออกกฏห้ามไม่ให้เรือสำราญที่ปล่อยมลพิษเข้าจอดเทียบท่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง


การห้ามจอดเรือดังกล่าวจะมุ่งเป้าหมายไปยังเรือที่ไม่เคารพกฏเกณฑ์ในการควบคุมปริมาณกำมะถันในเชื้อเพลิงให้อยู่ที่ 0.1% ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารบางส่วนไม่สามารถขึ้นฝั่งที่เมืองที่มีชื่อเสียงในการจัดเทศกาลภาพยนตร์แห่งนี้

David Lisnard นายกเทศมนตรีเมืองคานส์กล่าวว่า นโยบายนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อต่อต้านเรือสำราญ แต่มีขึ้นเพื่อการต่อต้านมลพิษ

ภายใต้นโยบายอากาศสะอาดของสหภาพยุโรป การควบคุมนี้มีผลบังคับใช้แล้วในทะเลบอลติกทะเลเหนือและท่าเรือลำเลียง และอาจขยายไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย

Axel Friedrich นักวิเคราะห์มลพิษชาวเยอรมันกล่าวว่าเรือสำราญใช้น้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งมีซัลเฟอร์ออกไซด์มากกว่าน้ำมันดีเซลธรรมดาถึง 2,000 เท่า

David Lisnard นายกเทศมนตรีเมืองคานส์กล่าวอีกว่า เมืองคานส์จะไม่ต้อนรับผู้โดยสารที่มากับเรือสำราญที่ก่อมลพิษอีกต่อไป

การเติบโตแบบทวีคูณของอุตสาหกรรมเรือสำราญมักจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อยู่อาศัยตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ อยู่เสมอ และอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย


เมื่อสามเดือนที่แล้ว กลุ่มอนุรักษ์หลักของอิตาลีกล่าวว่าเมืองเวนิสควรอยู่ในบัญชีรายชื่อเมืองที่ตกอยู่ในอันตรายของสหประชาชาติ และควรห้ามเรือสำราญเข้าไปในทะเลสาบของเมืองที่มีสภาพเปราะบางเพื่อป้องกันภัยพิบัติทางระบบนิเวศที่จะเกิดขึ้นกับเมืองนี้

จากข้อมูลของสมาคม the Cruise Lines International Association (CLIA) คาดว่าผู้โดยสาร 30 ล้านคนจะล่องเรือเกือบ 300 ลำในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 17.8 ล้านคนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

เมื่อเดือนกรกฎาคมบริษัทเรือสำราญ Norwegian Cruise Line Holdings ซึ่งมีสัดส่วนของการเดินเรือทางทะเลของเมืองคานส์ถึง 40% ได้ลงนามในข้อตกลง Cruise Charter กับเมืองคานส์ซึ่งสัญญาว่าจะทำให้เรือในบริษัทของตนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น



ที่มา Data & Images -






..
#40
กองทัพเรือ น้อมนำแนวพระราชดำริพึ่งพาตนเองใช้เวลา 4 ปี ต่อเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ขึ้นใช้เองเป็นผลสำเร็จ พร้อมเข้าประจำการกองเรือตรวจอ่าว รองรับภารกิจรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และรับมือสถานการณ์โลกที่ซับซ้อน


วันนี้ (27 ก.ย.2562) กองทัพเรือจัดพิธีรับมอบเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยพลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน พร้อมกล่าวว่า ถือเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือที่มีเรือลำใหม่จากการจัดสร้างโดยคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงวางรากฐานตั้งแต่เรือ ต.91 พร้อมย้ำวิสัยทัศน์กองทัพเรือที่เน้นพัฒนาคน เพื่อรับมือสถานการณ์โลกที่ซับซ้อนและรองรับภารกิจใหม่ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

"เรือในกองทัพเรือมีเรือหลายประเภทหลายลำ แต่เรือเป็นเพียงเครื่องมือประการหนึ่ง คนต่างหากที่สำคัญกว่า คนต้องเก่งก่อนต้องมีความรู้ความสามารถจึงจะใช้อย่างมีคุณภาพ วันเริ่มต้นของการใช้เรือเริ่มจากศูนย์ เช่นเดียวกับเกียรติยศไม่ได้มีมาแต่ชาติกำเนิด แต่เกิดจากการกระทำ จะได้เกียรติหรือไม่ควรจะช่วยกันคนละไม้คนละมือ" "

ทั้งนี้ การสร้างเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นโครงการที่กองทัพเรือขออนุมัติกระทรวงกลาโหมเพื่อดำเนินการต่อเรือจากแบบที่กองทัพเรือมีใช้ราชการ ด้วยการน้อมนำและยึดถือการพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร


เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ จัดสร้างที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช จังหวัดชลบุรี ใช้เวลาสร้าง 4 ปี ระหว่างปีงบประมาณ 2558-2561 ภายใต้งบประมาณทั้งสิ้น 5,500 ล้านบาท โดยใช้แบบเรือจากประเทศอังกฤษ และต่อยอดจากเรือหลวงกระบี่ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำแรกที่กองทัพเรือจัดสร้างได้เองและเข้าประจำการเมื่อปี 2556 โดยได้เพิ่มพื้นที่ดาดฟ้าบิน รวมทั้งอาวุธปล่อยนำวิถี และเรดาร์ตรวจจับให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น

เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ มีขนาดระวางขับน้ำ 1,960 ตัน ระยะปฏิบัติการ 3,500 ไมล์ทะเล ปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องในทะเล 14 วัน โดยไม่ต้องส่งกำลังบำรุง มีขีดความสามารถตรวจการณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งป้องกันทางอากาศระยะประชิด และนับเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากำลังรบตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การรักษากฎหมายในทะเล และการปฏิบัติการรบผิวน้ำ รวมทั้งการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล และสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรืออื่นๆ โดยมี นาวาโท วีรุตม์ ฉายะจินดา เป็นผู้บังคับการเรือ พร้อมด้วยกำลังพลประจำเรือ จำนวน 95 นาย



ที่มา Data & Images - news.thaipbs.or.th







..
#41
มาตรการคว่ำบาตรคอสโกวันนี้ ส่งผลให้อัตราค่าระวางพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย


อัตราค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียพุ่งขึ้นเกือบ 30% ในวันนี้ ท่ามกลางภาวะปั่นป่วนในตลาดการขนส่งน้ำมันทั่วโลก หลังจากที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทในเครือของคอสโก ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ใหญ่ที่สุดของจีน เนื่องจากพบว่าบริษัทพัวพันกับการขนส่งน้ำมันดิบออกจากอิหร่าน

มาตรการคว่ำบาตรคอสโกวันนี้ ส่งผลให้อัตราค่าระวางพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย. หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ คอสโก ถือเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งในแง่ของจำนวนเรือ และปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการขนส่ง โดยบริษัทเป็นเจ้าของเรือ 1,114 ลำ ซึ่งรวมถึงเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจำนวน 365 ลำ และเรือบรรทุกน้ำมัน 120 ลำ โดยมีเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) จำนวนมากกว่า 50 ลำ หรือคิดเป็น 7.5% ของจำนวนเรือ VLCC ทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐได้เคยดำเนินการมา นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ท่ามกลางความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการกดดันอิหร่านให้ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์

"มีความสับสนในตลาดสำหรับผู้ที่ได้จองเรือไว้กับคอสโก โดยทุกคนต่างก็ต้องการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ" เทรดเดอร์น้ำมันรายหนึ่งของสิงคโปร์กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ซื้อน้ำมันจากเอเชียต่างแห่กันเช่าเรือบรรทุกน้ำมัน หลังจากที่สหรัฐมีคำสั่งคว่ำบาตรบริษัทคอสโก ชิปปิ้ง แทงเกอร์ (ต้าเหลียน) โค จำกัด และบริษัทคอสโก ชิปปิ้ง แทงเกอร์(ต้าเหลียน) ซีแมน แอนด์ ชิป แมเนจเมนท์ โค จำกัด ซึ่งต่างก็เป็นบริษัทในเครือของคอสโก ส่งผลให้ค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังอินเดียในเดือนต.ค.ทะยานขึ้น 28% ส่วนค่าระวางของเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) สำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียเหนือพุ่งขึ้นเกือบ 19% ซึ่งหมายความว่าค่าระวางจะเพิ่มขึ้นถึง 600,000 ดอลลาร์ต่อเรือ 1 ลำ



ที่มา Data & Images -




อัตราค่าระวางขนส่งน้ำมัน,ก๊าซ LNG พุ่ง หลังสหรัฐคว่ำบาตร COSCO

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 กันยายน 2562 - สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทในเครือของ COSCO ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ใหญ่ที่สุดของจีน เมื่อวันศุกร์ เนื่องจากพบว่าบริษัทพัวพันกับการขนส่งน้ำมันดิบออกจากอิหร่าน


การคว่ำบาตรบริษัท COSCO ได้ส่งผลให้อัตราค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) พุ่งขึ้น

ทั้งนี้ COSCO นับเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งในแง่ของจำนวนเรือ และปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการขนส่ง โดยบริษัทเป็นเจ้าของเรือ 1,114 ลำ ซึ่งรวมถึงเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจำนวน 365 ลำ และเรือบรรทุกน้ำมัน 120 ลำ

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐได้เคยดำเนินการมา นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ท่ามกลางความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ในการกดดันอิหร่านให้ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
การคว่ำบาตรบริษัท COSCO ส่งผลให้อัตราค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียพุ่งขึ้นเกือบ 30% เมื่อวันศุกร์  ท่ามกลางภาวะปั่นป่วนในตลาดการขนส่งน้ำมันทั่วโลก

ทั้งนี้ ผู้ซื้อน้ำมันจากเอเชียต่างแห่กันเช่าเรือบรรทุกน้ำมัน หลังจากที่สหรัฐมีคำสั่งคว่ำบาตรบริษัท COSCO Shipping Tanker (Dalian) Co, Ltd. และบริษัท COSCO Shipping Tanker (Dalian) Seaman & Ship Management Co, Ltd. ซึ่งต่างก็เป็นบริษัทในเครือของ COSCO ส่งผลให้ค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังอินเดียในเดือนต.ค.ทะยานขึ้น 28% ส่วนค่าระวางของเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) สำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียเหนือพุ่งขึ้นเกือบ 19% ซึ่งหมายความว่าค่าระวางจะเพิ่มขึ้นถึง 600,000 ดอลลาร์ต่อเรือ 1 ลำ

นอกจากนี้ การคว่ำบาตรบริษัท COSCO ยังได้ส่งผลกระทบต่อการขนส่ง LNG โดยบริษัท Teekay LNG แถลงในวันนี้ว่า สหรัฐได้สั่งคว่ำบาตรบริษัท Yamal LNG ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมทุนกับรัสเซีย เนื่องจาก COSCO ถือหุ้น 50% ในบริษัท China LNG Shipping (Holding) (CLNG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ Yamal LNG

อัตราค่าระวางสำหรับการขนส่ง LNG พุ่งขึ้น 7-11% ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 70,000 ดอลลาร์ต่อวัน



ที่มา Data & Images -





..
#42
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2562 เวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นบนเรือประมงลากอวนของรัสเซียชื่อ BUKHTA NAEZDNIK ความยาว 64 เมตร กว้าง 13 เมตร ขนาด 1,283 เดทเวทตัน ขณะจอดเทียบท่าอยู่ในท่าเรือแบลวิก (Brevik) เมืองทรุมเซอ (Tromso) ประเทศนอร์เวย์


เพลิงไหม้ได้ลุกลามขยายพื้นที่ไปยังบริเวณเก๋งเรือและมีควันไฟลอยออกมาเป็นจำนวนมาก ตามรายงานแจ้งว่ามีเชือกอวน แหอวน น้ำมันเชื้อเพลิงและพลาสติกบนเรือเป็นเชื้อติดไฟอย่างดี

ขณะเกิดเหตุมีลูกเรือทั้งหมด 29 คนอยู่บนเรือ ลูกเรือ 27 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพหลังสูดดมควันไฟเข้าไป

ต่อมาเวลา 13.00 น. ตามเวลา UTC พบว่าเพลิงไฟยังคงไม่ดับ และเรือลากอวน BUKHTA NAEZDNIK ยังคงจอดเทียบท่าอยู่ที่เดิมพร้อมกับเรือทักดับเพลิงและเรือกู้ภัยจอดอยู่ใกล้ ๆ


เรือประมงลากอวน (Trawler) ชื่อ BUKHTA NAEZDNIK รหัสหมายเลข IMO คือ 8913253 ขนาด 1,899 GT สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1991 จดทะเบียนชักธง Russia



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by






..
#43
26 ก.ย.62 - กองทัพเรือ โดยพลเรือเอกนพดล สุภากร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีปลดระวางประจำการ และเชิดชูเกียรติให้กับ "เรือของพ่อ" เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.91 ,ต.94 ,ต.95 ที่รับใช้ราชการในกองทัพเรือมายาวนาน สนองภารกิจในท้องทะเลมากรวมกว่าศตวรรษ โดยมีพลเรือตรีจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการ กองเรือยามฝั่ง ในฐานะผู้บัญชาการในการควบคุม ได้นำผู้บังคับการเรือและพลประจำเรือ ตลอดจน อดีตผู้บังคับการเรือทั้ง 3 ลำ เข้าร่วมในพิธีที่จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ท่ามกลางหมู่เรือรบแห่งราชนาวีไทย ณ ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


การปลดระวางประจำการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ได้เป็นไปตามอนุมัติกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเรือทั้ง 3 ลำ ใช้ราชการมานานจนมีสภาพเสื่อมตามอายุการใช้งาน ไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมบำรุง และมีความเสี่ยงต่อการปฏิบัติราชการ จึงมีคำสั่งตามคำเสนอของกองทัพเรือ ให้ปลดระวางตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62 เป็นต้นไป

สำหรับ ชุดเรือตรวจการณ์ ต.91 เป็นเรือที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพระราชทานพระราชดำริ และพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับการต่อเรือ เพื่อพึ่งพาตนเองของกองทัพเรือ นับตั้งแต่การสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.91 ถึงเรือ ต.99 จำนวน 9 ลำ ระหว่างปี พ.ศ.2510 – 2530 อันเป็นโครงการของกองทัพเรือ ตามพระราชดำริของพระองค์ จนสมัญญาเรือชุดนี้ว่า "เรือของพ่อ"

โดยเรือ ต.91 ประจำการครั้งแรกเมื่อ 12 ส.ค.2511 และครั้งที่ 2 เมื่อ 15 เม.ย.35 รวมระยะเวลาประจำการ 52 ปี เรือ ต.94 ประจำการครั้งแรกเมื่อ 16 ก.ย.24 รวมระยะเวลาประจำการ 38 ปี และเรือ ต.95 ประจำการครั้งแรกเมื่อ 27 ธ.ค.25 รวมระยะเวลาประจำการ 37 ปี โดยเรือทั้ง 3 ลำ สร้างโดยกรมอู่ทหารเรือ เป็นการพึ่งพาตนเองของกองทัพเรือ


พลเรือเอกนพดล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่เรือทั้ง 3 ลำ ได้ปฏิบัติราชการอยู่ในท้องทะเลยาวนานรวมกว่าศตวรรษ ได้สร้างผลงานและชื่อเสียงให้แก่กองทัพเรือ เช่น การถวายความปลอดภัยทางทะเลให้แก่ พระบรมวงศานุวงศ์ การปกป้องอธิปไตยของชาติ การรักษาผลประโยชน์ของชาติในทะเล การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการมีส่วนร่วมกับประชาชน ในการพัฒนาชุมชนพื้นที่ชายฝั่งทะเล

ดังนั้น เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อกองทัพเรือ จึงได้จัดพิธีเชิดชูเกียรติให้แก่เรือตรวจการณ์ชุดเรือ ต.91 และอำลาการปฏิบัติงานของเรือทั้ง 3 ลำ อย่างสมเกียรติ ให้คงเป็นที่จารึกจดจำแด่ เหล่านักรบแห่งราชนาวีไทย ตลอดไป



ที่มา Data & Images -







..
#44
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พุธที่ 25 กันยายน 2562 - ทำเนียบฯ * ครม.เห็นชอบ "GULF-พีทีที แทงค์" เข้าวินร่วมทุนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ด้าน กนอ.จ่อชำระเงินร่วมทุนพันล้านบาทต่อปี


รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐ มนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมทุนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตา พุดระยะที่ 3 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐ กิจพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เสนอมา

สำหรับบริษัทผู้ที่ได้รับการคัดเลือก คือ บมจ.กัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)   และบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) โดยการนิคมอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จะชำระเงินร่วมลงทุนของรัฐ จำ นวน 1,010 ล้านบาท/ปี และได้รับค่าให้สิทธิ์การร่วมลงทุนจากเอกชนกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ จำนวน 300 ล้านบาท/ปี คิดเป็นค่าร่วมลงทุนที่จ่ายให้กับเอกชน 710 ล้านบาท/ปี เป็นระยะเวลา 30 ปี

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาท่า เรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 นั้นเป็น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่ม อุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ตั้งโครง การอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่หน้าท่า 550 ไร่ และพื้นที่หลังท่า 450 ไร่ ความยาวหน้าท่ารวมกัน 2,229 เมตร ซึ่งหลังจากที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และวัตถุดิบเหลว สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตร เคมี และรับสินค้าผ่านท่า (สิน ค้าด้านปิโตรเคมี และก๊าซธรรม ชาติ) ได้เพิ่มอีก 19 ล้านตันต่อปี ในอีก 20 ปีข้างหน้า



ที่มา Data & Images -




GULF เปิดแผนพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ช่วงแรกถมทะเลทำโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนสร้างคลัง LNG สูงสุด 10.8 ล้านตัน/ปี

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 25 กันยายน 2562 - บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่าเมื่อวานนี้ (24 ก.ย. 62) คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมทุนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอมา โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า กัลฟ์และพีทีทีแทงค์ ซึ่งประกอบไปด้วย GULF และ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ในกลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) ร่วมทุนกันในสัดส่วนร้อยละ 70 และ 30 ตามลำดับ เป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินโครงการ


สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) กับทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ต่อไป

โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็นสองช่วง ดังนี้

ช่วงที่หนึ่ง เป็นงานออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งประกอบด้วย งานขุดลอกและถมทะเลในเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ งานขุดลอกร่องน้ำและแอ่งกลับเรือ งานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นและงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี โดยเอกชนจะได้รับผลตอบแทนเป็นรายปีจาก กนอ. เป็นระยะเวลา 30 ปี

ช่วงที่สอง เป็นงานก่อสร้างท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (Superstructure) บนพื้นที่ถมทะเลประมาณ 200 ไร่ เพื่อรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ไม่น้อยกว่า 5 ล้านตัน/ปี และส่วนขยายไปจนถึง 10.8 ล้านตัน/ปี โดยเอกชนจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าบริการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวให้เป็นก๊าซ (LNG Terminal Fee) จากผู้ใช้บริการ



ที่มา Data & Images -





..
#45
คมนาคมขานรับ IMO เปิดกว้างผู้หญิงเข้าเรียนหลักสูตรพาณิชย์นาวี ครั้้งแรก มุ่งอุตสาหกรรมขนส่งทางน้ำ-เจาะตลาดเรือครุยส์


นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวในงานกิจกรรมวันทางทะเลโลก ว่า กิจกรรมวันทะเลโลกประจำปี 2562 ที่จัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในปีนี้มุ่งเน้นให้ความสำคัญของการส่งเสริมบทบาทสตรีให้มีส่วนร่วมในภาคการขนส่งทางน้ำ (Empowering Women in the Maritime Community)ตามข้อตกลงขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO)ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจะส่งเสริมสตรีให้เข้ามาทำงานในภาคโลจิสติกส์ทางน้ำมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ศูนย์กลางการขนส่วของภูมิภาคโดยสั่งการให้กรมเจ้าท่า เปิดคอร์สการสอนรับผู้หญิงเข้ามาศึกษาภายในโรงเรียนพาณิชย์นาวีเป็นคอร์สแรก เพื่อรองรับนโยบายของ IMO

ทั้งบทบาทของผู้หญิงในการเดินเรือ ถือว่าทำงานได้ไม่น้อยกว่าผู้ชาย เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ภายในท่าเรือหรือบนเรือช่วยอำนวยความสะดวกและลดภารกิจการใช้แรงงานลงมาก จึงเป็นโอกาสที่จะเปิดกว้างให้ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วม ส่งเสริมการขยายตัวด้านการขนส่งทางน้ำอย่างยั่งยืน ปัจจุบันกิจการด้านการขนส่งทางน้ำหลายแห่งในไทย มีผู้หญิงเป็นเจ้าของและผู้บริหาร


ด้านนายสมศักดิ์ ห่มม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ภาคการขนส่งสินค้าทางทะเลนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศ สอดคล้องกับการขนส่งทางน้ำทั่วโลกที่ขยายตัวจนมีสัดส่วนเป็น 90% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นประเทศไทยต้องรับมือเรื่องสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่จะตามมาพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งการตรวจสอบบริหารจัดการขยะบนเรือ การป้องกันการรั่วไหลของสารเคมีในทะเล การจัดการขยะมูลฝอยทางทะเล การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง รวมถึงการลดใช้พลาสติกซึ่งปล่อยไมโครพลาสติกลงในน้ำทะเล ทั้งหมดนี้ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม

ด้านนายเฉลิมวุฒิ แท่นสุวรรณ์ ผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยเทคโนโลยีทางทะเลแห่งเอเซีย กล่าวว่า อุตสาหกรรมเดินเรือที่ยังต้องการบุคลากรผู้หญิงจำนวนมากที่ประเทศจะต้องส่งเสริมคือด้านกิจการเดินเรือสำราญ(ครุยส์)ซึ่งเน้นงานบริการที่หลากหลายภายในอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเปิดกว้างไม่จำกัดงานแค่ในประเทศไทยด้วย เพราะอุตสาหกรรมดังกล่าวเติบโตทั่วโลก เป็นโอกาสที่ดีของคนไทย เพราะคนไทยยิ้มง่ายเป็นเสน่ห์ที่งานบริการทั่วโลกต้องการ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจด้านโรงแรมที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเรือสำราญอีกด้วย แต่ทั้งนี้ต้องเพิ่มข้อบังคับเรื่องการคุกคามทางเพศเข้าไปในการปฏิบัติงานด้วย เพื่อปกป้องสิทธิสตรีตามหลักสากล



ที่มา Data & Images -





..