ข่าว:

คุณ ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน ตอบกระทู้หรือตั้งคำถามใหม่ นะครับ

Main Menu

กลับมาอีกครั้ง เทศกาลล่าวาฬหมู่เกาะแฟโร น้ำทะเลสีเลือดกลายเป็นภาพชินตา

เริ่มโดย mrtnews, พ.ค 31, 19, 17:35:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

กลับมาอีกครั้ง เทศกาลล่าวาฬบนหมู่เกาะแฟโร เปลี่ยนน้ำทะเลกลายเป็นสีเลือดแดงฉาน วาฬมากกว่า 200 ชีวิต และโลมาอีก 40 ชีวิต ถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปรานี


เป็นภาพสลดหดหู่ที่มีให้เห็นทุกปี สำหรับเทศกาลล่าวาฬบนหมู่เกาะแฟโร ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ในเขตการปกครองตนเองของเดนมาร์ก โดยทุก ๆ ปี ชาวประมงจะพากันออกล่าวาฬโดยการล่อมันเข้ามาให้ใกล้ฝั่ง ก่อนจะจัดการฆ่าและเฉือนเนื้อกันที่ริมฝั่ง จนเปลี่ยนสีน้ำทะเลกลายเป็นสีเลือดแดงฉานไปทั่วบริเวณ 

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยว่า เทศกาลโหดร้ายประจำปีดังกล่าว ได้กลับมาอีกครั้งในปีนี้ โดยกลุ่มชาวบ้านในเมืองตอร์ชาฟน์ เมืองบนเกาะสเตรอเมอ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของหมู่เกาะแฟโร ได้เริ่มนำเรือออกล่า ขณะนี้มีวาฬจำนวนมากกว่า 200 ตัว และโลมาอีกราว 40 ตัว ถูกฆ่าตาย โดยใช้อาวุธสำคัญเป็นหอกแหลม หรือแหลน และมีดยาวปลายแหลม

การล่าวาฬบนหมู่เกาะแฟโร เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานานหลายร้อยปี นับตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายประเทศเดนมาร์ก ที่มีการกำหนดรูปแบบขั้นตอนการล่า กระบวนการฆ่า และอุปกรณ์ที่อนุญาต แต่ละปีจะมีวาฬถูกล่าราว 800 ตัว บริเวณรอบ ๆ หมู่เกาะแฟโรแห่งนี้

ทางด้าน Blue Planet Society กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในอังกฤษ ได้กล่าวว่าเทศกาลดังกล่าวเป็นความโหดร้าย โหดเหี้ยมและป่าเถื่อน ซึ่งมีความพยายามรณรงค์ทุกปีให้หยุดการกระทำเช่นนี้ลง รวมไปถึงการฆ่าวาฬเพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์ในหลาย ๆ พื้นที่ทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น 



ที่มา Data & Images - kapook.com




สลด ทะเลเลือดแดงฉาน ชาวประมงที่หมู่เกาะแฟโร ฆ่าวาฬด้วยคมหอก

เลือดวาฬทำทะเลริมชายฝั่งหมู่เกาะแฟโร แดงฉาน ชาวประมงที่หมู่เกาะแฟโร ในมหาสมุทรแอตแลนติก ฆ่าวาฬ-โลมาด้วยคมหอก หลังจับได้และลากเข้าฝั่ง สังหารเหี้ยม


เมื่อ 30 พ.ค.62 สื่อต่างประเทศรายงานและเผยแพร่ภาพสลด ทะเลสีแดงฉาน จากเลือดวาฬนำร่องและโลมาที่ถูกฆ่าโดยชาวประมง ที่บริเวณชายหาดเมือง Torshavn เมืองเอกของหมู่เกาะแฟโร ในทวีปยุโรป ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อวันที่ 29 พ.ค. หลังจากจับพวกมันได้และลากเข้าฝั่ง ก่อนใช้หอกแทงจนตาย

มิร์เรอร์และเดลี่เมล แจ้งว่า การสังหารวาฬเหล่านี้ ของชาวประมงบนเกาะแฟโร เพื่อนำเนื้อวาฬมาทำเป็นอาหาร ถือเป็นส่วนหนึ่งในประเพณีเก่าแก่ของชาวเกาะแฟโรที่สืบทอดมานานนับศตวรรษ โดยมีชาวบ้านมาดูการล่าวาฬของชาวประมง และนำร่างของพวกมันกลับมายังฝั่งและฆ่า จนเลือดของวาฬทำให้น้ำทะเลบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน

สาเหตุที่ทำให้ชาวประมงบนเกาะแฟโร สามารถล่าวาฬได้จำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่วาฬว่ายผ่านชายฝั่งของหมู่เกาะแฟโร อพยพย้ายถิ่นฐานในช่วงฤดูร้อน โดยคาดว่าแต่ละปี มีวาฬนับ 100,000 ตัวว่ายผ่านเข้าใกล้ชายฝั่งหมู่เกาะแฟโร  ซึ่งประกอบด้วยเกาะเล็กๆ 18 เกาะ อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างสกอตแลนด์ นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ และเป็นเขตการปกครองของประเทศเดนมาร์กมาตั้งแต่ปี 2491 ในขณะที่ ชาวประมงบนหมู่เกาะแฟโร ซึ่งต้องมีใบอนุญาตล่าวาฬ จะล่าวาฬเฉลี่ยแล้วปีละประมาณ 800 ตัว

ด้านสมาคมบลูแพลนเน็ต ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์รักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมคุ้มครองสัตว์ในทะเล ได้ออกมาประณามการล่าวาฬของชาวประมงที่หมู่เกาะแฟโร ว่าเป็นการสังหารที่โหดร้ายและทารุณต่อสัตว์มาก เพราะมีวาฬถึงประมาณ 130-150 ตัว รวมทั้งโลมาอีกนับ 10-20 ตัวด้วยคมหอกอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่ปี 2019 นี้มีวาฬถูกฆ่าไปแล้วราว 500 ตัว โดยสมาคมบลูแพลนเน็ต ยังระบุด้วยว่า หมู่เกาะแฟโร อยู่ใต้การปกครองของเดนมาร์ก ซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ในขณะที่สหภาพยุโรปออกกฎคุ้มครองทั้งวาฬนำร่องและโลมาพันธุ์ข้างขาว แต่เดนมาร์กยังออกใบอนุญาตให้ชาวประมงสามารถล่าและฆ่าวาฬนำร่องและโลมาพันธุ์ข้างขาวได้



ที่มา Data & Images -






..